กองทัพสหรัฐฯ เผย กำลังตรวจสอบรายงานข่าวที่ว่า มีพลเรือนเสียชีวิตในปฏิบัติการโจมตีด้วยโดรนในซีเรียของพวกเขา เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็น รายงานเมื่อ 20 พ.ค. 2566 ว่า ปฏิบัติการโจมตีด้วยโดรนของสหรัฐฯ เพื่อโจมตีผู้นำระดับสูงของกลุ่มก่อการร้ายอัลเคดา ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม พลาดไปถูกพลเรือนวัย 56 ปี ซึ่งเป็นพ่อลูก 10 เสียชีวิตขณะออกไปเลี้ยงแกะของเขา
รายงานของซีเอ็นเอ็นเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจาก นายไมเคิล ลอว์ฮอร์น โฆษกของกองบัญชาการกลางของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งดูแลปฏิบัติการต่างๆ ในตะวันออกกลางและภูมิภาคโดยรอบ ออกมาระบุว่า พวกเขาทราบเรื่องข้อกล่าวว่า มีพลเรือนเสียชีวิตในการโจมตีดังกล่าวแล้ว และกำลังสืบสวนว่ามีพลเรือนเสียชีวิตโดยไม่ตั้งใจจริงหรือไม่
ทั้งนี้ การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พ.ค. ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย โดยในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ ออกมายืนยันความสำเร็จของปฏิบัติการ พร้อมแสดงความมั่นใจว่าการโจมตีบรรลุเป้าหมายของภารกิจ แม้จะเป็นเรื่องยากที่จะยืนยันตัวเป้าหมายของการโจมตี เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่มีเจ้าหน้าที่ในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์แล้ว กองบัญชาการกลางก็ยังไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับเป้าหมายที่ถูกโจมตีและผู้เสียชีวิต
แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายโมฮัมหมัด เมสโก ผู้อ้างตัวว่าเป็นพี่ชายของผู้เสียชีวิต บอกกับซีเอ็นเอ็น ว่า ลูตฟี ฮัสซัน เมสโต น้องชายของเขากำลังออกไปต้อนฝูงแกะในหมู่บ้านคูร์กานียา ในจังหวัดอิดลิบ เมื่อช่วงเช้าวันที่ 3 พ.ค. แต่จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงระเบิดจึงรีบวิ่งออกไปดู และพบว่า ลูตฟี เสียชีวิตแล้วพร้อมกับแกะ 6 ตัว
...
นายโมฮัมหมัด ยืนยันว่า ครอบครัวของเขาไม่เคยมีความเชื่อมโยงกับกลุ่มติดอาวุธใดๆ มาก่อน น้องชายเขามีลูก 10 คน หนึ่งในนั้นอายุแค่ 5 ขวบ ลูตฟีไม่เคยออกจากหมู่บ้านเลยในช่วงการลุกฮือต่อต้านรัฐบาล และไม่ได้สนับสนุนกลุ่มการเมืองใด เขาเป็นเพียงพลเรือนที่พยายามมีชีวิตอยู่
ขณะที่ นายโมฮาเหม็ด ซาจี ญาติห่างๆ ผู้อาศัยอยู่ในหมู่บ้านคูร์กานียาเช่นเดียวกัน กล่าวว่า ลูตฟีไม่ได้เป็นผู้สนับสนุน หรือต่อต้านรัฐบาลซีเรีย และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นสมาชิกอัลเคดา เพราะเขาไม่ได้ไว้เคราด้วยซ้ำ
ด้านหน่วยกู้ภัย ‘องค์กรป้องกันพลเรือนอิหร่าน’ (SCD) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘กลุ่มหมวกกันน็อกขาว’ บอกกับ ซีเอ็นเอ็น ในวันเดียวกันว่า พวกเขาเดินทางถึงที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งไม่กี่นาที และพบหลุมที่เกิดจากการระเบิดของมิสไซล์ 1 หลุมอยู่ข้างศพผู้เสียชีวิต โดยมีภรรยา, เพื่อนบ้าน และคนอื่นๆ รวมตัวกัน ท่ามกลางเสียงร้องไห้ระงม.
ที่มา : cnn