สำนักข่าว BBC ของประเทศอังกฤษ ระบุว่า สองพรรคการเมืองฝ่ายค้านคือ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย มีแนวโน้มที่จะเริ่มต้นกระบวนการพูดคุยเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสม
โดยการเลือกตั้งเบื้องต้นที่พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำเหนือพรรคของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าประชาชนที่ออกมาลงคะแนนไม่ยอมรับรัฐบาลที่ได้รับการสนับสนุนจากกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่เรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบราชการ เศรษฐกิจ บทบาทของกองทัพ ซึ่งได้รับที่นั่งและคะแนนเสียงมากกว่าพรรคคู่แข่ง
BBC มองว่า นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ประเด็นข้างต้นจะเป็นประเด็นเดียวกันกับที่กระตุ้นให้เกิดการประท้วงที่นำโดยนักศึกษาในปี 2563 โดยผู้สมัครของพรรคก้าวไกลบางคนเคยเป็นแกนนำในการเคลื่อนไหว และผู้ลงคะแนนเสียงที่อายุน้อย ซึ่งหลายคนเป็นสาวกของพรรคก้าวไกล มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อผลการเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตามแม้ พรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะประสบความสำเร็จ แต่อาจต้องเผชิญกับศึกแย่งชิงอำนาจ เมื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะถูกสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง 500 คน และสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งโดยรัฐบาลทหาร 250 คน ร่วมกันลงคะแนนเลือก
ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า แม้พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลมีแนวโน้มจะเอาชนะพรรคการเมืองที่กองทัพหนุนหลังได้อย่างขาดลอย แต่ยังคงไม่ชัดเจนว่าฝ่ายใดจะได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และยังต้องมีการเจรจากับพรรคการเมืองอื่นๆ รวมทั้งผ่านการลงมติของสมาชิกวุฒิสภา 250 คน ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยรัฐบาลชุดที่แล้ว
เจย์ แฮร์ริแมน ผู้อำนวยการอาวุโสของ BowerGroupAsia ที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมือง กล่าวว่า ผลลัพธ์ที่ได้คือ "การปฏิเสธอย่างชัดเจนต่อการเมืองแบบเก่าของไทย" แต่แผนการปฏิรูปเชิงสถาบันของก้าวไกล อาจทำให้แผนดังกล่าวขัดแย้งกับฝ่ายกองทัพ
...
เขากล่าวว่า "ความตึงเครียดอาจเพิ่มสูงขึ้นหากรัฐบาลชุดต่อไปดำเนินการอย่างจริงจังตามคำมั่นสัญญาในการหาเสียง" เขายังกล่าวว่า "พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยยังคงมีคะแนนเสียงไม่ถึง 376 ที่นั่ง ที่จำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาล ดังนั้นจึงต้องใช้วิธีการเลือกตั้งเพื่อชนะคะแนนเสียงจากวุฒิสภา หรือหันไปหาเสียงสนับสนุนจากพรรคภูมิใจไทย"
ส่วนหนังสือพิมพ์ เซาท์ไชนามอร์นิงโพสต์ (SCMP) รายงานว่า ประชาชนยังมีความหวาดกลัวว่าเผด็จการทหารจะใช้เล่ห์กลแบบเดิมเพื่อยับยั้งผลการเลือกตั้ง เช่น การใช้เสียงของวุฒิสมาชิกที่กองทัพแต่งตั้ง 250 คน มาเลือกตัวนายกรัฐมนตรีคนใหม่ รวมทั้งอาจมีการใช้คำสั่งศาลเพื่อยุบพรรค หรือตัดสิทธิทางการเมืองของผู้นำพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง หรือแม้กระทั่งอาจลงมือทำรัฐประหาร เพื่อพยายามยึดกุมอำนาจเอาไว้ต่อไป ทำให้ประเทศไทยยังคงมีเค้าลางของความไร้เสถียรภาพทางการเมืองอยู่ในช่วงต่อจากนี้
ขณะที่สำนักข่าวอัลจาซีรารายงานว่า สภาพการณ์ดังกล่าวทำให้ยังไม่อาจฟันธงลงไปได้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่หวนกลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหนึ่ง เนื่องจากสมาชิกวุฒิสภายังคงสามารถเล่นเกมการเมืองแบบเดิม ตามที่เคยโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็นผู้นำรัฐบาลที่มีพรรคพันธมิตรรวม 19 พรรคได้สำเร็จ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว แม้พรรคของเขาจะไม่ได้รับเสียงข้างมากในการเลือกตั้งครั้งนั้นก็ตาม
ด้านสำนักข่าวเอพีมองว่า มีความเป็นไปได้ที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล จะตกเป็นเป้าหมายในสิ่งที่ฝ่ายค้านเคยประสบมาแล้ว และระบุว่าเป็นกลอุบายสกปรก จากการยื่นร้องเรียนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ โดยกล่าวหานายพิธาว่า ไม่นำรายละเอียดในการถือหุ้นสื่อสำแดงไว้ในรายการทรัพย์สินตามกฎหมาย ซึ่งเคยทำให้หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่สูญเสียที่นั่งในสภาด้วยเหตุผลทางเทคนิคที่คล้ายคลึงกัน และจบลงด้วยการยุบพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นพรรคที่ถูกมองว่าท้าทายอย่างรุนแรงต่อสถาบัน และกลุ่มอนุรักษนิยมมาแล้ว.