เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายของสหรัฐฯ หลายหมื่นนายถูกส่งไปยังชายแดนติดกับเม็กซิโก ขณะที่ผู้อพยพที่รอข้ามพรมแดน แสดงความสับสนและไม่พอใจต่อการเปลี่ยนแปลงกฎการเข้าประเทศ

สหรัฐฯ คาดการณ์ว่าจะมีผู้อพยพจำนวนมากอ้างสิทธิการลี้ภัยจากปัญหาทางการเมือง ภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ และความยากจน ในขณะที่มาตรการจำกัดช่วงโรคโควิด-19 ระบาดจะสิ้นสุดลงในคืนวันพฤหัสบดีเข้าสู่เข้าวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐฯ

สหรัฐฯ ระดมกำลังตำรวจชายแดนประมาณ 24,000 นาย และเจ้าหน้าที่ประมวลผล 1,100 คน เพื่อประจำการตลอดแนวชายแดนสหรัฐฯ และเม็กซิโก ที่มีความยาวกว่า 3,218 กิโลเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าของปีที่แล้ว เพื่อรับมือกับคลื่อนผู้อพยพ ส่วนกระทรวงกลาโหมได้ส่งกองกำลังพิเศษ 1,500 นาย ไปเสริมกำลัง 2,500 นายที่ประจำการแล้ว

นายอเลฮันโดร มายอร์กาส รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงมาตุภูมิสหรัฐฯ กล่าวว่า รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าใจดีถึงความท้าทายในการยุติข้อจำกัดของโควิดที่รู้จักกันในชื่อ "มาตรา 42" แม้จะมีการเตรียมการมาเกือบ 2 ปี แต่สหรัฐฯ คาดว่าจะมีผู้อพยพจำนวนมากที่ชายแดนทางใต้ ในไม่กี่วันและหลายสัปดาห์หลังจากวันที่ 11 พฤษภาคม

เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ ยอมรับว่าพื้นที่ชายแดนจะมีความวุ่นวายไปอีกระยะหนึ่ง แม้เจ้าหน้าที่จะพยายามอย่างเต็มที่ก็ตาม

ประเด็นคนเข้าเมืองกลายเป็นเรื่องร้อนแรงทางการเมืองระหว่างพรรคเดโมแครตของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และพรรครีพับลิกันที่ใช้มาตรา 42 สกัดคนเข้าเมืองเมื่อ 3 ปีก่อนตั้งแต่สมัยรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์

ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีใช้มาตรา 42 ซึ่งเป็นมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเป็นทางการ เพื่อเป็นเครื่องมือสกัดผู้อพยพ แต่ทั้งสหรัฐฯ และองค์การอนามัยโลกกล่าวว่าระยะฉุกเฉินของการแพร่ระบาดสิ้นสุดลงแล้ว

...

วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันกลุ่มหนึ่งกล่าวหาว่าฝ่ายบริหารของนายไบเดนว่าตอบสนองช้าเกินไป และโจมตีการตัดสินใจหยุดข้อเสนอของทรัมป์เรื่องการสร้างกำแพงกั้นพรมแดน โดยจดหมายที่วุฒิสมาชิก มิตต์ รอมนีย์ ส่งถึงนายมายอร์กัส ระบุว่า "ฝ่ายบริหารล้มเหลวในการรับทราบวิกฤติที่ชายแดน และเพิ่งตระหนักในชั่วโมสุดท้ายว่า การสิ้นสุดของมาตรา 42 ที่จะเกิดขึ้น และการข้ามพรมแดนของผู้อพยพจำนวนมาก จะส่งผลร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศของเรา"

ขณะที่รัฐบาลไบเดนโต้ว่า ได้ขับคนเข้าเมืองมากเป็นประวัติการณ์ตามที่ได้มีความร่วมมือกับหลายประเทศ โดยได้ขับไปมากกว่า 3 ล้านคน ในช่วง 2 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา และได้ใช้วิธีการที่มีมนุษยธรรม ไม่พรากเด็กจากพ่อแม่เหมือนสมัยรัฐบาลทรัมป์

แต่ฝ่ายบริหารระบุเมื่อวันพุธว่า ได้ออกกฎแล้วว่าบุคคลใดก็ตามที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเพื่อเข้าสหรัฐฯ จะถือว่าไม่มีสิทธิ์และอาจถูกขับออก แม้ว่าจะมีข้อยกเว้นหากบุคคลสามารถพิสูจน์ได้ว่ามี "ความกลัวที่สมเหตุสมผล" ต่อการถูกทรมาน ในการกลับมาของพวกเขา

นายมายอร์กัส กล่าวว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกิดจากผู้ลักลอบนำผู้อพยพเข้าสหรัฐฯ ที่พยายามเผยแพร่ข้อมูลเท็จว่าจะมีการเปิดชายแดนหลังจากวันที่ 11 พฤษภาคม และกล่าวย้ำว่า ขอให้ผู้อพยพอย่าหลงเชื่อผู้ลักลอบเข้าเมืองที่โกหกพวกเขาเพียง เพื่อหวังผลกำไร "เรากำลังสร้างเส้นทางที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อให้คุณเดินทางมายังสหรัฐฯ”

ขั้นตอนต่างๆ ที่ทาการสหรัฐฯ กำลังดำเนินการอยู่ ได้แก่ การเปิดศูนย์ดำเนินการระดับภูมิภาคที่มุ่งช่วยเหลือผู้ย้ายถิ่นฐานที่สมัครเข้ามายังสหรัฐฯ รวมถึงขยายการเข้าถึง CBP One ซึ่งเป็นแอปที่ผู้อพยพสามารถใช้เพื่อนัดหมายการขอลี้ภัยได้.