• เหตุปะทะกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์คู่อริในรัฐมณีปุระ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย ที่ดำเนินมาตั้งแต่สัปดาห์ก่อน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 58 ศพ และทำให้ประชาชนนับหมื่นต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน

  • ความรุนแรงปะทุขึ้นหลังจาก กลุ่มเมเต ออกมาร้องของให้รัฐบาลมอบสถานะเผ่าด้อยโอกาสให้แก่พวกเขา ซึ่งจะทำให้ได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ต่อกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ ไม่ยอม

  • กลุ่มเมเตกับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวคริสต์ในรัฐมณีปุระ ขัดแย้งกันเรื่องที่ดินมานานแล้ว และฝ่ายหลังกังวลว่าหากเมเตได้สถานะพิเศษนี้ จะทำให้พวกเขาเสียสิทธิ์ในที่ดินไป

เหตุความรุนแรงปะทุขั้นภายในรัฐมณีปุระ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดียตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์คู่อริ ทำให้เกิดการปะทะต่อสู้กัน อาคารและรถยนต์จำนวนมากถูกจุดไฟเผา มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 58 ศพ ขณะที่คนอีกหลายหมื่นที่ต้องกลายเป็นผู้อพยพพลัดถิ่น

สถานการณ์รุนแรงถึงขั้นที่กองทัพอินเดียต้องส่งทหารไปรักษาความสงบตามท้องถนน ตัดอินเทอร์เน็ตมือถือ ขณะที่ผู้ว่าการรัฐมณีปุระสั่งเคอร์ฟิวใน 9 เขต จากทั้งหมด 16 เขต พร้อมอนุญาตให้ทหารยิงผู้ก่อความไม่สงบได้ ในกรณีที่ใช้วิธีอื่นๆ จนหมดแล้ว แต่ยังไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้

เจ้าหน้าที่ระบุว่า กำลังควบคุมสถานการณ์ให้กลับเป็นปกติ แต่เหตุความไม่สงบล่วงเลยเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 แล้ว สถานการณ์ยังคงตึงเครียด ความขัดแย้งที่สั่งสมมานานระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งสองฝ่าย สามารถกลับมาปะทุอีกครั้งได้ทุกเมื่อ

...

รู้จักรัฐมณีปุระและกลุ่มคู่ขัดแย้ง

มณีปุระ เป็นรัฐที่ตั้งอยู่บนเนินเขาเขียวชอุ่ม มีชายแดนติดต่อกับประเทศเมียนมา แต่มีประวัติศาสตร์ความขัดแย้งภายในมาอย่างยาวนาน นับตั้งแต่การก่อตั้งอินเดียยุคใหม่ รัฐแห่งนี้เป็นที่อยู่ของกลุ่มชาติพันธุ์ตระกูลจีน-ทิเบต แต่ละกลุ่มมีภาษา, วัฒนธรรม และศาสนาเป็นของตัวเอง

สถานการณ์ภายในมณีปุระคล้ายกับแคว้นแคชเมียร์ พวกเขาเคยเป็นรัฐที่ร่ำรวยภายใต้การปกครองของอังกฤษ ก่อนจะถูกรวมเข้ากับอินเดียในปี 2492 หรือ 2 ปีหลังจากแดนภารตะได้รับอิสรภาพจากอังกฤษ แต่ชาวรัฐมณีปุระบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการรวมเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย มองว่ารีบร้อนเกินไป และไม่ถามความคิดเห็นของคนส่วนใหญ่

นับแต่นั้น มณีปุระก็เผชิญการก่อจลาจลและการปะทะกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์มาตลอด โดยคู่ขัดแย้งหลักในเหตุการณ์ล่าสุด คือ ชุมชนชาวเมเต (Meitei community) ซึ่งเป็นกลุ่มชาวฮินดูขนาดใหญ่ที่สุด มีคนมากกว่า 50% ของประชากรทั้งหมด 3.5 ล้านคนในรัฐมณีปุระ ส่วนใหญ่จะตั้งรกรากบริเวณที่ราบ แต่บางครั้งก็พบในพื้นที่แถบเนินเขา

ส่วนอีกกลุ่ม คือ กลุ่มชาติพันธุ์ นากา (Naga) และ กูกิ (Kuki) เป็นกลุ่มชาวคริสต์ มีประชากรคิดเป็น 40% ของทั้งรัฐมณีปุระ และได้รับสถานะ ‘เผ่าด้อยโอกาส’ (Scheduled Tribe) ทำให้ได้รับความคุ้มครองจากรัฐบาล ได้สิทธิ์ครองที่ดินบริเวณเนินเขากับในป่า ได้โควตาในสถาบันการศึกษาและตำแหน่งงานในรัฐบาล

นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ อีก รวมถึง เผ่ามีโซ (Mizo) ด้วย

ชนวนเหตุการปะทะนองเลือด

การกระทบกระทั่งกันเริ่มขึ้นในเขตจุรจันทปุระ (Churachandpur) ในเมืองอิมผาล เมืองเอกของรัฐมณีปุระ เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2566 ในขณะที่ชาวเผ่ากูกิ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ในเขตนี้ กับชาวเผ่านากา กำลังประท้วงต่อต้านข้อเรียกร้องของกลุ่มเมเต ที่ต้องการให้รัฐบาลจัดพวกเขาเป็นเผ่าด้อยโอกาสด้วย

สถานะเผ่าด้อยโอกาสจะมอบให้แก่กลุ่มที่ขาดโอกาสทางเศรษฐกิจและสังคมมากที่สุดในอินเดีย รวมทั้งเป็นกลุ่มคนที่เคยมีประวัติศาสตร์ในการถูกปฏิเสธการเข้าถึงการศึกษาและการทำงาน การยอมรับกลุ่มใดๆ เป็นเผ่าด้อยโอกาส จึงเปรียบเหมือนความพยายามแก้ไขความอยุติธรรมที่เคยเกิดขึ้นในอดีต

นายอรุนาบห์ ไชเคีย ผู้สื่อข่าวท้องถิ่น บอกกับสำนักข่าวอัลจาซีราว่า เผ่ากูกิเชื่อว่า การมอบสถานะเผ่าด้อยโอกาสให้กลุ่มเมเต จะเป็นการลิดรอนสิทธิ์ของพวกเขา ซึ่งอ้างว่าพวกตัวเองต่างหากคือประชาชนส่วนที่ถูกละเลย และเผ่าเมเตก็เป็นชุมชนขนาดใหญ่กว่าในมณีปุระอยู่แล้ว รวมทั้งมีอำนาจตัดสินใจเรื่องนโยบายของรัฐ จึงไม่ควรได้สถานะดังกล่าว

เผ่ากูกิกับเผ่านากายังกังวลด้วยว่า การให้สถานะเผ่าด้อยโอกาส อาจทำให้เผ่าเมเตสามารถครองที่ดินบริเวณเนินเขา ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกเขาได้

และแล้วการกระทบกระทั่งก็บานปลายกลายเป็นความรุนแรง ม็อบที่โกรธแค้นจุดไฟเผาทรัพย์สินต่างๆ ไม่ว่าจะรถยนต์หรืออาคาร บ้านและโบสถ์หลายแห่งถูกเผา ประชาชนจำนวนมากตัดสินใจพาครอบครัวหนีจากความรุนแรง

...

ความตึงเครียดที่สะสมมานานปี

ความตึงเครียดระหว่างเผ่าเมเตกับกลุ่มชาติพันธุ์ชาวคริสต์อื่นๆ มีมานานหลายปีและหยั่งรากลึก จากความขัดแย้งในหลายๆ เรื่อง รวมถึงสิทธิ์ครองที่ดินและการปราบปรามชนกลุ่มน้อย

เผ่าเมเตซึ่งมีตำแหน่งในรัฐบาลของรัฐมณีปุระ พัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของตัวเองไปไกลกว่ากลุ่มชาติพันธุ์อื่นๆ พวกเขาส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในหุบเขาอิมผาล ซึ่งเป็นพื้นที่พัฒนาแล้ว แต่มีขนาดเล็กกว่าในเชิงภูมิศาสตร์ ขณะที่เผ่านากาและกูกิอยู่ในเขตเนินเขา ซึ่งได้รับความคุ้มครองและมีขนาดใหญ่กว่าในเชิงภูมิศาสตร์ นอกจากนั้น ยังอุดมสมบูรณ์ด้านการเกษตร

เผ่านากาและกูกิ กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงสถานะจะทำให้พวกเขาค่อยๆ ถูกขับออกจากดินแดนคุ้มครองที่พวกเขาอยู่มานานหลายทศวรรษ และทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการถูกเอารัดเอาเปรียบ

ความตึงเครียดในรัฐมณีปุระพุ่งสูงขึ้นอีก นับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารนองเลือดในประเทศเมียนมา เมื่อปี 2564 ทำให้กลุ่มชาติพันธุ์ชาวชิน (Chin) จำนวนหลายพันคน อพยพเข้ามาในมณีปุระ แต่กลับถูกรัฐบาลของรัฐปราบปรามอย่างหนัก ทำให้ชาวกูกิ ซึ่งมาจากกลุ่มชาติพันธุ์เดียวกัน ตัดพ้อรัฐบาลว่าปราบปรามชาวชินอย่างไม่เป็นธรรมตั้งแต่พวกเขามาถึง ส่งผลให้เกิดความรู้สึกถูกรังแกและถูกทอดทิ้ง

...

สถานการณ์ล่าสุด

ชาวรัฐมณีปุระจำนวนมาก อพยพหนีความรุนแรงเข้าสู่รัฐข้างเคียงหลายแห่ง รวมถึงรัฐมิโซรัม, รัฐเมฆาลัย และรัฐนาคาแลนด์ รัฐบาลจากรัฐอื่นๆ ของอินเดียต้องจัดเที่ยวบินพิเศษ เพื่ออพยพพลเรือนของรัฐตัวเองออกมายังที่ปลอดภัย

ตามการเปิดเผยของกองทัพอินเดีย ขณะนี้มีพลเรือนที่หลบหนีการต่อสู้ประมาณ 23,000 คน โดยผู้ที่พลัดถิ่นไปอาศัยอยู่ตามฐานทัพและค่ายทหารต่างๆ ภายในรัฐมณีปุระ บางค่ายมีผู้อพยพอยู่รวมกันกว่า 5,000 คน โดยที่พวกเขายังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง ว่าเมื่อไรจะได้กลับบ้าน

กองทัพอินเดียยังตัดสินใจใช้มาตรการระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตมือถือเป็นเวลา 5 วัน ส่งทหารไปควบคุมสถานการณ์ และเพิ่มการลาดตระเวนด้วยโดรนกับเฮลิคอปเตอร์ ขณะที่ผู้ว่าการรัฐมณีปุระมีคำสั่งเคอร์ฟิว และอนุญาตให้ทหารยิงผู้ก่อความไม่สงบได้ ในกรณีที่ใช้วิธีอื่นๆ จนหมดแล้ว แต่ยังไม่อาจควบคุมสถานการณ์ได้

ตอนนี้สถานการณ์ความรุนแรงไม่ได้กระจายเป็นวงกว้างเหมือนเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว แต่ยังคงมีการปะทะกันกระจายเป็นหย่อมๆ ท่ามกลางความตึงเครียดที่ยังพุ่งสูง พร้อมจะปะทุอีกครั้งได้ตลอดเวลา โดยที่ไม่มีใครทราบแน่ชัดว่าความไม่สงบจะจบลงเมื่อไร.





ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : cnnaljazeera