สำนักข่าวเคซีเอ็นเอของทางการเกาหลีเหนือ รายงานว่า เกาหลีเหนือแสดงการวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงระหว่างสหรัฐฯ-เกาหลีใต้เมื่อเร็วๆ นี้ ที่สนับสนุนการติดตั้งสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาค ว่ายกระดับความตึงเครียดที่ทวีความรุนแรงขึ้นจนถึงขั้น "ใกล้จะเกิดสงครามนิวเคลียร์"
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี ยุน ซุก ยอล ของเกาหลีใต้ จัดการประชุมสุดยอดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในระหว่างนั้น นายไบเดนให้คำมั่นที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกแก่รัฐบาลเกาหลีใต้มากขึ้น เกี่ยวกับการวางแผนด้านนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ที่เกี่ยวกับความขัดแย้งใดๆ กับเกาหลีเหนือ ขณะที่เกิดความวิตกกังวลเพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือและรวมทั้งการที่สหรัฐฯ ให้สัญญาจะปกป้องทั้งสองประเทศในฐานะผู้ไม่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Umbrella)
ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะเสริมสร้างการป้องกันของเกาหลีใต้และประจำการสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ ที่รวมถึงการที่เรือดำน้ำติดขีปนาวุธติดอาวุธนิวเคลียร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ จะเยือนเกาหลีใต้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทศวรรษ 1980
เคซีเอ็นเอระบุว่า ข้อตกลงระบุความตั้งใจของทั้งสองประเทศที่จะใช้ "การกระทำที่เป็นศัตรูและก้าวร้าวที่สุด" กับเกาหลีเหนือ โดยอ้างถึงคำกล่าวของ "โช จู ฮยอน" นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงระหว่างประเทศ
การประจำการของสินทรัพย์ทางยุทธศาสตร์ของอเมริกา ทำให้สถานการณ์ของคาบสมุทรเกาหลีอยู่ใน "หล่มแห่งความไร้เสถียรภาพ" และตั้งใจที่จะสร้าง "กลุ่มทหารที่ก้าวร้าวและผูกขาด" ในภูมิภาคนี้
เคซีเอ็นเอยังกล่าวว่า "มันมีเป้าหมายเพียงเพื่อหลบเลี่ยงความรับผิดชอบต่ออาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยการทำลายและละเมิดระบบการไม่แพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์อย่างเป็นระบบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การผลักดันสถานการณ์ของคาบสมุทรเกาหลีไปสู่จุดวิกฤติของสงครามนิวเคลียร์"
...
"มันเป็นเป้าหมายชั่วร้ายที่ครอบงำโดยสหรัฐฯ เพื่อเปลี่ยนทั้งเกาหลีใต้ให้กลายเป็นด่านหน้าของสงครามนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกไกล และใช้มันอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อบรรลุกลยุทธ์ในการครองโลก"
ก่อนหน้านี้ คิม โย จอง น้องสาวของผู้นำเกาหลีเหนือ แสดงความเห็นต่อข้อตกลงดังกล่าวว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือยังคงเชื่อมั่นว่าการป้องกันการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ควรจะต้องมีการพัฒนาให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีก
เธอกล่าวว่า ยิ่งศัตรูเตรียมซ้อมรบอาวุธนิวเคลียร์มากขึ้นเท่าใด ยิ่งศัตรูประจำการอาวุธนิวเคลียร์ใกล้คาบสมุทรเกาหลีมากแค่ไหน เกาหลีเหนือจำเป็นต้องใช้สิทธิในการป้องกันตนเอง คิม โย จอง กล่าวด้วยว่า ข้อตกลงของสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ จะส่งผลให้สันติภาพและเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงเหนือและในโลก ต้องเผชิญกับอันตรายที่รุนแรงมากกว่าเดิม ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น.