เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงกลาโหมยูเครนส่งสัญญาณว่า กองทัพยูเครนพร้อมที่จะปฏิบัติการตีโต้ครั้งใหญ่ เพื่อทวงคืนดินแดน ที่สูญเสียให้แก่รัสเซีย
สถานการณ์กำลังเข้าสู่ช่วงนับถอยหลัง เหลือเพียงรอสภาพอากาศเป็นใจและความพร้อมของหน่วยรบต่างๆ สอดคล้องกับรายงานก่อนหน้านี้ว่า สัญญาณไฟเขียวชักธงรบจะเริ่มต้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
จากข้อมูลที่ได้รับการเปิดเผยมาเป็นระยะๆ บ่งชี้ว่ากองทัพยูเครนจะปฏิบัติโจมตีในภาคตะวันออกและภาคใต้ของยูเครน ซึ่งกรณีนี้ก็เป็นไปได้ทั้งจังหวัดเคียร์ซอน-ซาโปริชเชีย (ใต้) และโดเนตสก์-ลูฮานสก์ (ตะวันออก) ที่ถูกรัสเซียทำการผนวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมาตุภูมิ
แต่คำถามสำคัญที่ตามมาคือ การบุกทวงดินแดนครั้งนี้จะมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด?
เพราะขนาดสื่อการเมืองโพลิติโกสหรัฐฯ ยังรายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ระบุว่างานนี้ไม่ค่อยมั่นใจและยากที่จะทำได้ตามคำประกาศว่า จะช่วงชิง “คาบสมุทรไครเมีย” ที่ถูกรัสเซียผนวกไปตั้งแต่ปี 2557 คืนมา
เช่นเดียวกับนักวิเคราะห์ความมั่นคงหลายสายที่มองว่าปฏิบัติการครั้งนี้มี “ตัวแปร” ที่ไม่แน่นอนมากมาย อย่างแรกคือ การตีโต้ครั้งแรกเมื่อปีก่อนที่ทำให้ยูเครนทวงคืนจังหวัดคาร์คิฟ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ คืนมาได้ทั้งหมด ได้ส่งผลให้กองทัพรัสเซียเกิดการปรับขบวนทัพ ยอมทิ้งดินแดนที่ดูแล้วไม่สามารถป้องกันได้
สิ่งที่ตามมาจากการล่าถอยของรัสเซีย ก็คือการที่รัสเซียได้ทุ่มเทกำลังในการวางเครือข่ายแนวป้องกันใหม่ในภาคใต้และภาคตะวันออกยูเครนในลักษณะหลายชั้นคือ หากทะลวงแนวที่หนึ่งสำเร็จก็จะเจอแนวสอง และหากทะลวงแนวสองสำเร็จก็เจอแนวสามเป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ
...
เห็นได้ว่า ฝ่ายรัสเซียรับรู้และเข้าใจแล้วว่า ปฏิบัติการบุกโจมตีที่วางแผนไว้เมื่อต้นสงครามไม่สามารถดำเนินการได้อีกต่อไป จำเป็นต้องมีการรีกรุ๊ป สลับเปลี่ยนหน่วยรบ ฟื้นฟูกำลังพลกันใหม่ ซึ่งก็เป็นเหตุผลว่าทำไมการบุกโจมตีจึงกลายเป็นการเคลื่อนที่ช้าๆ และใช้ทหารรับจ้างวากเนอร์แทนทหารประจำการ
การวางเครือข่ายป้องกันของรัสเซียเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือน พ.ย.2565 เท่ากับว่าในเดือน พ.ค.นี้ รัสเซียได้มีเวลาเตรียมแนวตั้งรับมานานกว่า 5 เดือน แม้จะไม่มีใครรู้ได้ว่าเป็นแนวรับที่เหนียวแน่นจริงๆ หรือดูดีภายนอกแต่ข้างในกลวงหรือไม่ แต่การทิ้งเวลานานขนาดนี้ย่อมไม่เป็นผลดีต่อยูเครนอย่างแน่นอน
ปฏิบัติการตีโต้ของยูเครนยังมีตัวแปรอื่นๆที่ไม่แน่นอนอีกด้วย ซึ่งวันนี้เนื้อที่หมดแล้ว ขอไว้ว่ากันต่อในตอนหน้าครับ.
ตุ๊ ปากเกร็ด