ครอบครัวของนักข่าวชาวญี่ปุ่นที่ถูกสังหารขณะรายงานข่าว "การปฏิวัติผ้ากาสาวพัสตร์" ในเมียนมา ในปี 2550 ได้เผยแพร่ภาพสุดท้ายของเขาเมื่อวันพุธ โดยเป็นภาพจากกล้องวิดีโอที่สูญหายไปนับตั้งแต่ที่เขาเสียชีวิตเมื่อ 15 ปีก่อน

ภาพสุดท้ายจาก นายเคนจิ นางาอิ วัย 50 ปี ระหว่างการประท้วงต่อต้านรัฐบาล ได้มาจากสำนักข่าวเสียงประชาธิปไตยแห่งพม่า (DVB) ที่เน้นรายงานข่าวสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งส่งกล้องคืนครอบครัวของนางาอิในกรุงเทพฯ เมื่อวันพุธ

กองกำลังรักษาความมั่นคงของเมียนมาจับกุมประชาชนหลายพันคนระหว่างการเดินขบวนที่นำโดยพระสงฆ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในการลุกฮือครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษเพื่อต่อต้านการปกครองของทหาร มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31 คน

ในวิดีโอ นางาอิ จับภาพของผู้ประท้วงในนครย่างกุ้งและการมาถึงของรถบรรทุกทหาร ก่อนที่จะหันเลนส์ไปที่ตัวเขาเองเพื่อบันทึกภาพส่วนหนึ่งไปยังกล้อง

โนริโกะ โอกาวะ น้องสาวของเขา กล่าวว่า เธอหวังว่าวิดีโอของเขาจะสามารถสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความรุนแรงในปัจจุบันในเมียนมา ซึ่งถูกจุดชนวนโดยกองทัพเมียนมาที่ทำการรัฐประหารในปี 2564 ซึ่งถือเป็นการยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนครั้งแรกในรอบ 59 ปี ของกองทัพเมียนมา

โอกาวะ กล่าวกับสื่อในกรุงเทพฯ ว่า "ฉันไม่คิดว่าเขาเป็นฮีโร่ แม้ว่าเขาจะเสียชีวิต ฉันอยากให้ผู้คนจดจำเขาในฐานะนักข่าวที่เต็มใจต่อสู้ต่อไป จากภาพนี้ฉันหวังว่าผู้คนจะหันกลับมาสนใจเมียนมาอีกครั้ง และหวังว่าผู้คนทั่วโลกจะรู้สึกว่าควรดำเนินการบางอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบัน" 

เธอกล่าวว่า กล้องและวิดีโอจะถูกนำกลับไปที่ญี่ปุ่นเพื่อวิเคราะห์และสนับสนุนการสืบสวนอย่างละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิตของพี่ชายผู้ล่วงลับของเธอ ซึ่งเป็นคดีที่แทบไม่มีความคืบหน้า โอกาวะกล่าวเสริมว่า "เราต้องการให้ความจริงกระจ่าง และได้รับการเปิดเผย นั่นคือความรู้สึกของเรา"

...

Aye Chan Naing ผู้ร่วมก่อตั้ง DVB ปฏิเสธที่จะบอกว่าองค์กรได้กล้องของนางาอิมาได้อย่างไร เพื่อความปลอดภัยของผู้ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าว นางาอิ ซึ่งทำงานให้กับสำนักข่าวเอพีเอฟของญี่ปุ่น เดินทางถึงเมียนมา ขณะที่การประท้วงดำเนินมาเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ซึ่งเป็นถือความท้าทายสำคัญครั้งแรกของรัฐบาลทหารเมียนมาในรอบเกือบ 20 ปี

เหตุการณ์ดังกล่าวลุกลามบานปลายเมื่อต้นเดือนกันยายน เมื่อพระสงฆ์ทั่วประเทศแสดงปฏิกิริยาต่อการที่ทหารทำร้ายพระสงฆ์ในเมืองปะโคะกู ด้วยการคว่ำบาตรและปฏิเสธที่จะรับบิณฑบาตจากเจ้าหน้าที่ทหาร ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือเป็นการท้าทาย ในช่วงปลายเดือนกันยายน กองทัพก็ใช้กำลังเพื่อบดขยี้การเคลื่อนไหวครั้งนี้ด้วยการบุกค้นวัดวาอาราม และทำร้ายพระสงฆ์ที่ไม่เห็นด้วย

เมื่อวันที่ 27 กันยายน ฝูงชนจำนวนมากรวมตัวกันใกล้เจดีย์ซูเลในนครย่างกุ้ง และนางาอิซึ่งสวมกางเกงขาสั้นและรองเท้าแตะ อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้ประท้วง ได้ใช้กล้องเพื่อบันทึกภาพเหตุการณ์ประท้วงในนครย่างกุ้ง ในภาพวิดีโอที่เขาถ่ายในวันนั้น นางาอิบันทึกวินาทีที่รถบรรทุกที่เต็มไปด้วยทหารปรากฏขึ้นที่เจดีย์ซูเล เขาพูดกับกล้องว่า "กองทัพเพิ่งมาถึง และพวกเขาติดอาวุธหนัก แต่ผู้คนจำนวนมากยังคงรวมตัวกันที่หน้าเจดีย์" นั่นเป็นเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาพูด หลังจากนั้นไม่นานวิดีโอของเขาก็หยุดลง

นางาอิ ถูกยิงเมื่อทหารเปิดฉากยิงผู้ประท้วง ภาพที่มีการเผยแพร่โดยทั่วไปที่มีการลักลอบนำออกจากเมียนมาในปี 2550 แสดงให้เห็นว่าทหารคนหนึ่งเล็งปืนไรเฟิลใกล้กับนางาอิ ซึ่งล้มถอยหลังไปบนถนน โดยช่างภาพของสำนักข่าวรอยเตอร์จับภาพนางาอิที่ล้มลงบนพื้นได้ ในเวลานั้นทางการเมียนมาระบุว่า เขาถูกยิงโดยไม่ตั้งใจ และรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า ไม่สามารถสรุปได้ว่าเขาถูกสังหารในระยะเผาขน.