- เหตุการณ์ต่อสู้ระหว่างกองทัพซูดานกับกองกำลังกึ่งทหารที่ปะทุขึ้นในกรุงคาร์ทูม และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ เมื่อ 15 เม.ย. ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตแล้วเกือบ 100 ศพ
- เหตุปะทะครั้งนี้เป็นผลจากการช่วงชิงอำนาจในหมู่ผู้นำทหารของซูดาน จนนำไปสู่การปะทะอย่างดุเดือด ระหว่างกองทัพกับกองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว (Rapid Support Forces หรือ RSF) ซึ่งเป็นกองกำลังรบกึ่งทหารที่ไม่ได้สังกัดกองทัพซูดาน
- หนึ่งในประเด็นสำคัญของความขัดแย้งครั้งล่าสุดคือ แผนการผนวกกองกำลัง RSF ซึ่งมีกำลังพลราว 100,000 นาย ให้เข้าเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพซูดาน รวมทั้งใครจะเป็นผู้นำเหล่าทัพใหม่นี้
การสู้รบที่ปะทุขึ้นในกรุงคาร์ทูม เมืองหลวงของซูดาน และพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศ เป็นผลโดยตรงจากการแย่งชิงอำนาจที่เลวร้าย ระหว่างผู้นำทางทหารของประเทศสองคน
มีรายงานการปะทะกันตามจุดยุทธศาสตร์สำคัญทั่วเมืองหลวง ระหว่างกองทัพซูดาน และสมาชิกของกองกำลังกึ่งทหาร หรือ กองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว (Rapid Support Forces) หรือ อาร์เอสเอฟ ซึ่งไม่ได้ขึ้นตรงกับกองทัพ
อาร์เอสเอฟอ้างว่า สามารถยึดครองพื้นที่ในกรุงคาร์ทูม เช่น ทำเนียบประธานาธิบดี และเมืองออมดูร์มานที่อยู่ติดกัน ตลอดจนภูมิภาคดาร์ฟูร์ ทางตะวันตกของประเทศ และสนามบินเมโรเว ทางตอนเหนือของประเทศ แต่รายงานบางกระแสระบุว่า กองทัพได้อำนาจควบคุมสนามบินกลับคืนมาแล้ว
กองทัพอากาศซูดานออกคำแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติ ให้พลเมืองซูดานหลีกเลี่ยงการออกนอกบ้านพัก หากไม่มีความจำเป็น เพื่อเปิดทางให้ทางกองทัพอากาศซูดาน สามารถส่งเครื่องบินรบออกปฏิบัติการสำรวจความเคลื่อนไหวของกลุ่มอาร์เอสเอฟทางภาคพื้นดิน ท่ามกลางกระแสข่าวว่า กองทัพซูดานเตรียมเปิดการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ต่อกลุ่มอาร์เอสเอฟในเร็วๆ นี้
...
ขณะที่สหภาพแพทย์ระบุว่า ผลจากการปะทะกันครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วในขณะนี้ (17 เม.ย.) เกือบ 100 ศพ และตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 1,100 คน ขณะที่ประชาชนต่างต้องหนีตายเพื่อเอาชีวิตรอด
ด้านชาวกรุงคาร์ทูมกล่าวว่า ปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือ สมาชิกกองกำลังอาร์เอสเอฟพร้อมอาวุธหนักหลายพันคน แฝงตัวอยู่ตามละแวกชุมชนหลายแห่งของกรุงคาร์ทูมและเมืองอื่นๆ และกองกำลังเหล่านี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถควบคุมได้
ด้านโทรทัศน์ของรัฐบาลตัดการส่งสัญญาณในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ โดยพนักงานกล่าวว่า มีขึ้นเพื่อป้องกันการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อโดยกองกำลังอาร์เอสเอฟ หลังจากที่อาร์เอสเอฟบุกเข้าไปในอาคารห้องส่งหลักของสถานีในเมืองออมดูร์มาน และเริ่มออกอากาศรายการที่สนับสนุนกลุ่มอาร์เอสเอฟ
เบื้องหลังการต่อสู้คืออะไร?
นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารในเดือนตุลาคม 2564 ซูดานอยู่ภายใต้การบริหารของสภาที่นำโดยบรรดาผู้นำทางทหาร และมีทหารระดับสูงสองคนเป็นจุดศูนย์กลางของข้อพิพาท ได้แก่ พลเอกอับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของซูดาน และประธานสภาอธิปไตย ผู้นำโดยพฤตินัยของซูดาน และพลเอกโมฮาเหม็ด ฮัมดาน ดากาโล หรือ "เฮเมดติ" รองผู้นำของซูดาน ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังอาร์เอสเอฟ
ทั้งสองต่างมีความเห็นที่ขัดแย้งต่อทิศทางที่ประเทศกำลังดำเนินอยู่ และเสนอแผนเปลี่ยนผ่าน เพื่อให้ซูดานกลับสู่การปกครองโดยพลเรือน
ประเด็นสำคัญประการหนึ่ง อยู่ที่แผนการรวมกองกำลังอาร์เอสเอฟที่มีความแข็งแกร่งกว่า 100,000 นาย เข้ากองทัพซูดาน และประเด็นที่ว่า ระหว่างสองคนนี้ใครจะเป็นผู้นำกองกำลังใหม่
ทำไมสถานการณ์จึงเริ่มในวันเสาร์?
ความรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากเกิดความตึงเครียดมาหลายวัน เนื่องจากสมาชิกของอาร์เอสเอฟ ถูกส่งไปประจำการทั่วประเทศ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่กองทัพมองว่าอาจเป็นภัยคุกคาม แม้มีความหวังว่าการเจรจาจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้น
ยังไม่ชัดเจนว่าใครเป็นผู้เริ่มเปิดฉากการโจมตีก่อนในช่วงเช้าวันเสาร์ แต่ได้เกิดความวิตกว่าการกระทำเช่นนี้ จะทำให้สถานการณ์ที่ไม่มั่นคงที่มีอยู่แล้วแย่ลงไปอีก
ขณะที่นานาชาติเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงอย่างถาวร โดยผู้นำชาติอาหรับและสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องให้มีการรื้อฟื้นการเจรจาที่มีเป้าหมาย เพื่อฟื้นฟูรัฐบาลพลเรือน ในขณะที่สหภาพแอฟริกาได้ประกาศว่า จะส่งนักการทูตชั้นนำ "มุสซา ฟากี มาหะหมัด" เพื่อร่วมเจรจาหยุดยิง ขณะที่อียิปต์และซูดานใต้เสนอที่จะไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่ม
อะไรคือกองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว?
กองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว หรือ อาร์เอสเอฟ ก่อตั้งขึ้นในปี 2556 และมีต้นกำเนิดจากกองทหารอาสาสมัครของกลุ่มติดอาวุธ จันจาวีด (Janjaweed) ซึ่งต่อสู้ในนามของรัฐบาลซูดาน และมีชื่อเสียงจากการต่อสู้กับกลุ่มกบฏอย่างโหดเหี้ยมในภูมิภาคดาร์ฟูร์
ในช่วงสงครามในดาร์ฟูร์ ในปี 2557 และ 2558 อาร์เอสเอฟได้ก่อเหตุโจมตีหมู่บ้าน เผา ปล้นบ้าน ทุบตี ข่มขืน และประหารชีวิตชาวบ้าน โดยได้รับความช่วยเหลือทางอากาศและภาคพื้นดินจากกองทัพซูดาน การก่อเหตุสังหารประชาชนและการข่มขืนของอาร์เอสเอฟ มักเกิดขึ้นในหมู่บ้าน หลังจากขับไล่กลุ่มกบฏออกไปแล้ว ตามรายงานของฮิวแมนไรต์วอตช์ การโจมตีดังกล่าวเป็นระบบมากพอที่จะเข้าข่ายการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ
...
อาร์เอสเอฟขึ้นตรงกับหน่วยข่าวกรองและความมั่นคงแห่งชาติ แม้ว่าในระหว่างการปฏิบัติการทางทหาร พวกเขาจะได้รับคำสั่งจากกองทัพซูดานก็ตาม ในช่วงวิกฤตการณ์ทางการเมืองของซูดานในปี 2562 รัฐบาลทหารที่เข้าควบคุมประเทศได้ว่าจ้างอาร์เอสเอฟ เพื่อปราบปรามผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างรุนแรง ร่วมกับกองกำลังความมั่นคงอื่นๆ โดยอาร์เอสเอฟได้ดำเนินการสังหารหมู่ที่กรุงคาร์ทูมเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2562
ตั้งแต่นั้นมา พลเอกดากาโล ได้สร้างกองกำลังอันทรงพลังที่เข้าแทรกแซงความขัดแย้งในเยเมนและลิเบีย และเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2560 เขาได้ควบคุมเหมืองทองบางส่วนในดาร์ฟูร์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของซูดาน เมื่อปี 2562 ต่อมา อาร์เอสเอฟถูกกล่าวหาว่า นำเงินที่ได้จากการค้าทอง เพื่อสนับสนุนกองกำลังของตน กองกำลังอาร์เอสเอฟจึงถูกมองว่าเป็นที่มาของความไม่มั่นคงในประเทศ
ทำไมทหารต้องรับผิดชอบ?
การต่อสู้ครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์ล่าสุดของความตึงเครียดที่เกิดขึ้น หลังจากการโค่นล้มประธานาธิบดี โอมาร์ อัล-บาชีร์ ซึ่งดำรงตำแหน่งมาอย่างยาวนานในปี 2562
...
ประชาชนจำนวนมากออกมาประท้วงบนท้องถนนครั้งใหญ่ เพื่อเรียกร้องให้ยุติการปกครองเกือบสามทศวรรษของเขา และต่อมา กองทัพได้ทำรัฐประหารเพื่อกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่ง
แต่ถึงกระนั้น ประชาชนยังคงเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงบทบาทในแผนการก้าวไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตย จากนั้นมีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมระหว่างทหารและพลเรือน แต่ถูกล้มล้างด้วยรัฐประหารอีกครั้ง ในเดือนตุลาคม 2564
และตั้งแต่นั้นมา การแข่งขันระหว่าง พลเอกบูร์ฮาน และ พลเอกดากาโล ก็ทวีความรุนแรงขึ้น และแม้กรอบข้อตกลงในการคืนอำนาจสู่มือของพลเรือน ได้รับการเห็นชอบเมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว แต่การเจรจาเพื่อสรุปรายละเอียดกลับประสบความล้มเหลว
อะไรจะเกิดขึ้นตอนนี้?
หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไป อาจทำให้ประเทศแตกเป็นเสี่ยงๆ และทำให้สถานการณ์ทางการเมืองเกิดความปั่นป่วนยิ่งขึ้น ที่อาจนำไปสู่การเกิดสงครามกลางเมืองที่มีความรุนแรง และก่อให้เกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรม ที่เลวร้ายไม่แพ้สงครามดาร์ฟูร์ในอดีต
นักการทูตซึ่งมีบทบาทสำคัญในการพยายามกระตุ้นให้รัฐบาลกลับคืนสู่การปกครองแบบพลเรือน อาจต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการแสวงหาหนหาทาง เพื่อให้ผู้นำทางทหารทั้งสองหันมาเจรจากัน
ทั้งสหรัฐฯ จีน รัสเซีย อียิปต์ ซาอุดีอาระเบีย คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ สหภาพยุโรป และสหภาพแอฟริกา ต่างเรียกร้องให้ยุติการสู้รบอย่างรวดเร็วที่สุด ซึ่งคุกคามความไม่มั่นคงในภูมิภาค ซึ่งมีความผันผวนอยู่แล้ว
ความพยายามของประเทศเพื่อนบ้านและหน่วยงานระดับภูมิภาคเพื่อยุติความรุนแรง เริ่มมีขึ้นในวันอาทิตย์ หลังอียิปต์เสนอที่จะไกล่เกลี่ย และหน่วยงานระหว่างรัฐบาลเพื่อการพัฒนาระดับภูมิภาคของแอฟริกา วางแผนที่จะส่งประธานาธิบดีของเคนยา ซูดานใต้ และจิบูตี เพื่อไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่มซูดานโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
...
ในระหว่างนี้ ชาวซูดานอาจจะต้องใช้ความอดทนในการใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนอีกช่วงหนึ่ง.