มีรายงานการปะทะกันอย่างรุนแรงทั่วซูดาน ในขณะที่การสู้รบระหว่างกองทัพซูดานและกองกำลังสนับสนุนเคลื่อนที่เร็ว หรือ อาร์เอสเอฟ ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหาร ดำเนินต่อเข้าสู่วันที่สาม ขณะที่สหภาพแพทย์ระบุว่า มีผู้เสียชีวิตแล้วเกือบ 100 ศพ และตัวเลขผู้ได้รับบาดเจ็บประมาณ 1,100 คน

ทั้งสองฝ่ายอ้างสิทธิ์ในการควบคุมสถานที่สำคัญในเมืองหลวงคาร์ทูม ขณะที่ประชาชนต่างต้องหลบภัยจากการระเบิด ก่อนหน้านี้ในวันอาทิตย์ ทั้งสองฝ่ายสั่งหยุดยิงชั่วคราว เพื่อให้ผู้บาดเจ็บได้รับการอพยพ แม้จะไม่ชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายยึดมั่นต่อคำสั่งอย่างเคร่งครัดเพียงใด แพทย์เตือนว่าสถานการณ์ที่โรงพยาบาลในกรุงคาร์ทูมยังคงยากลำบาก และการสู้รบทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่และเวชภัณฑ์ไม่สามารถเข้าถึงผู้บาดเจ็บได้

การต่อสู้ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการแย่งชิงอำนาจระหว่างผู้นำทางทหารของประเทศ ซึ่งได้ลุกลามกลายเป็นความรุนแรงระหว่างกองกำลังสองกลุ่มที่เป็นคู่แข่งกัน โดยผู้บัญชาการทหารของทั้งสองฝ่าย ไม่สามารถตกลงกันได้ว่า ประเทศควรเปลี่ยนไปใช้การปกครองแบบพลเรือนอย่างไร หลังจากซูดานอยู่ภายใต้การปกครองของทหารมาตั้งแต่การรัฐประหารโค่นล้มประธานาธิบดี โอมาร์ อัล-บาชีร์ ผู้นำเผด็จการที่ครองอำนาจมาอย่างยาวนานในปี 2562

ในวันอาทิตย์และวันจันทร์ อาร์เอสเอฟอ้างว่า สามารถยึดครองพื้นที่ในกรุงคาร์ทูม เช่น ทำเนียบประธานาธิบดี และเมืองออมดูร์มาน ที่อยู่ติดกัน ตลอดจนภูมิภาคดาร์ฟูร์ ทางตะวันตกของประเทศ และสนามบินเมโรเว ทางตอนเหนือของประเทศ แต่รายงานบางกระแสระบุว่า กองทัพได้อำนาจควบคุมสนามบินกลับคืนมาแล้ว โดยกองทัพระบุว่า พวกเขากำลังจัดการกับ "กลุ่มกบฏกลุ่มเล็กๆ"

ก่อนหน้านี้กองทัพปฏิเสธว่า อาร์เอสเอฟได้ยึดสถานที่สำคัญในเมืองหลวง และมีผู้กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า กองทัพดูเหมือนจะยึดพื้นที่เพิ่มได้อีก หลังจากถล่มฐานทัพของอาร์เอสเอฟด้วยการโจมตีทางอากาศ

...

การสู้รบเกิดขึ้นระหว่างหน่วยทหารที่ภักดีต่อ พลเอกอับเดล ฟัตตาห์ อัล-บูร์ฮาน ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของซูดาน และประธานสภาอธิปไตย ผู้นำโดยพฤตินัยของซูดาน และอาร์เอสเอฟ ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหาร ซึ่งได้รับคำสั่งจาก พลเอกโมฮาเหม็ด ฮัมดาน ดากาโล หรือ "เฮเมดติ" รองผู้นำของซูดาน ประเด็นความขัดแย้งสำคัญระหว่างสองฝ่ายอยู่ที่แผนการผนวกรวมกองกำลังอาร์เอสเอฟที่มีความแข็งแกร่ง จำนวน 100,000 นาย เข้ากับกองทัพ และใครจะเป็นผู้นำกองกำลังคนใหม่

คำสั่งหยุดยิงชั่วคราวในวันอาทิตย์ เกิดขึ้นตามข้อร้องเรียนจากสหภาพแพทย์ที่ระบุว่า แพทย์และผู้ป่วยประสบความยากลำบากในการเดินทางไปและกลับจากโรงพยาบาล ในขณะที่การสู้รบกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด

ขณะที่นานาชาติเรียกร้องให้ยุติความรุนแรงอย่างถาวร โดยผู้นำชาติอาหรับและสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องให้มีการรื้อฟื้นการเจรจาที่มีเป้าหมาย เพื่อฟื้นฟูรัฐบาลพลเรือน ในขณะที่สหภาพแอฟริกาได้ประกาศว่า จะส่งนักการทูตชั้นนำ "มุสซา ฟากี มาหะหมัด" เพื่อร่วมเจรจาหยุดยิง ขณะที่อียิปต์และซูดานใต้เสนอที่จะไกล่เกลี่ยความขัดแย้งระหว่างสองกลุ่ม

คณะกรรมการกลางของแพทย์ซูดานรายงานว่า มีพลเรือนเสียชีวิต 56 ศพ และเจ้าหน้าที่กองกำลังความมั่นคงเสียชีวิตหลายสิบศพ และบาดเจ็บอีกประมาณ 600 คน ด้านสหภาพแพทย์ระบุยอดผู้เสียชีวิตไว้ที่ 97 ศพ บาดเจ็บ 365 คน

ในขณะเดียวกัน องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 83 ศพ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,100 คนทั่วประเทศ ตั้งแต่วันพฤหัสบดี ซึ่งเป็นช่วงที่อาร์เอสเอฟเริ่มระดมกำลัง แต่ไม่ได้ระบุจำนวนพลเรือนที่เสียชีวิตในการสู้รบ

ในบรรดาผู้เสียชีวิต มีเจ้าหน้าที่ 3 คนของโครงการอาหารโลกแห่งสหประชาชาติ ซึ่งได้ระงับการดำเนินงานในซูดานแล้ว ขณะที่มีรายงานว่า โทรทัศน์ของรัฐซูดานหยุดการส่งสัญญาณ แต่ยังไม่ชัดเจนว่า อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้การออกอากาศหยุดชะงัก.