• รัฐบาลญี่ปุ่น จับตากลุ่มภาวะ ฮิคิโคโมริ ภาวะแยกตัวจากสังคมของชาวญี่ปุ่นรุนแรงขึ้น หลังจากโควิดระบาด โดยพบคนวัยทำงานที่อยู่ในภาวะนี้มากถึง 1.5 ล้านคน
  • ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลญี่ปุ่น เป็นการเก็บข้อมูลในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จากกลุ่มตัวอย่าง อายุระหว่าง 10-69 ปี จำนวน 30,000 คนจากทั่วประเทศ พบว่า กลุ่มตัวอย่างจำนวนมากต่างเก็บตัว และแทบจะไม่ออกจากบ้านไปไหนเลย เพราะไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น
  • นับว่าจำนวนของกลุ่มคนที่เก็บตัว หรือแยกตัวจากสังคม เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ 7 ปีก่อน โดยเมื่อปี 2016 ผลสำรวจพบมีกลุ่มคนวัยรุ่นจนถึงวัยทำงาน ที่อยู่ในภาวะฮิคิโคโมริทั่วประเทศ ราว 541,000 คน

ผลสำรวจล่าสุดที่จัดทำขึ้นโดยรัฐบาลญี่ปุ่น จากการเก็บข้อมูลในช่วงเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จากกลุ่มตัวอย่าง อายุระหว่าง 10-69 ปี จำนวน 30,000 คนจากทั่วประเทศ พบว่า กลุ่มตัวอย่างจำนวนมากต่างเก็บตัว และแทบจะไม่ออกจากบ้านไปไหนเลย เพราะไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น โดยพบว่ากลุ่มคนวัยทำงานอยู่ในภาวะนี้มากถึง 1.46 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 2 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนประชากรอายุระหว่าง 15-64 ปี ของประเทศ โดยในจำนวนนี้ 20 เปอร์เซ็นต์ กลายมาเป็นคนที่เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่เข้าสังคม เนื่องจากการระบาดของโควิด-19

...

ผลสำรวจที่ออกมาทำให้รัฐบาลแสดงความกังวล และเตือนประชาชนให้สำรวจตัวเอง เพราะอาจจะกลายเป็นกลุ่มฮิคิโคโมริโดยไม่รู้ตัว โดยพบว่า 60 เปอร์เซ็นต์ของกลุ่มที่เก็บเนื้อเก็บตัวเป็นเพศชาย

ขณะเดียวกัน การสำรวจล่าสุดนี้ยังพบว่า 2.05 เปอร์เซ็นต์ ของประชากรอายุ 15-39 ปี จะออกจากบ้านเพียงเพื่องานอดิเรก หรือออกจากห้องของตัวเอง แต่ยังคงอยู่ภายในบ้าน หรือเกือบจะไม่ออกจากห้องเลยอย่างน้อย 6 เดือน

โดย 21.5 เปอร์เซ็นต์ ของกลุ่มฮิคิโคโมริ ช่วงอายุระหว่าง 15-39 ปี จะแยกตัวจากสังคมเป็นระยะเวลา 6 เดือน แต่ไม่ถึง 1 ปี ส่วนกลุ่มอายุ 40-64 ปี จะมี 21.9 เปอร์เซ็นต์ ที่ปิดกั้นตัวเองในบ้านราว 2-3 ปี

จากการสอบถามเหตุผลว่า ทำไมพวกเขาจึงกลายมาเป็นคนเก็บตัวจากสังคม 20.8 เปอร์เซ็นต์ ของกลุ่มอายุ 15-39 ปี ระบุว่า พวกเขารู้สึกยากลำบากในการมีความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ส่วนอีก 18.1 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่า เป็นเพราะการระบาดของโควิด

ส่วนกลุ่มอายุ 40-64 ปี อ้างเหตุผลของการแยกตัวจากสังคมว่า เป็นเพราะพวกเขาออกจากงาน คิดเป็น 44.5 เปอร์เซ็นต์ และอ้างเหตุผลการระบาดของโควิดอีก 20.6 เปอร์เซ็นต์ โดยเหตุผลหนึ่งที่เอื้อต่อการแยกเก็บตัว ก็เพราะพวกเขามีทางเลือกในการเรียนออนไลน์ หรือการทำงานจากบ้านได้ด้วยนั่นเอง

จากสถานการณ์ในขณะนี้ จึงดูเหมือนว่าภาวะฮิคิโคโมริ ได้กลายเป็นประเด็นทางสังคมที่เร่งด่วนมากขึ้น และทางการญี่ปุ่นอาจจำเป็นต้องจัดการกับปัญหาจากหลายแง่มุม ทั้งจากครอบครัว โรงเรียน และบริษัท ก่อนที่คนในสังคมจะต่างคนต่างแยกตัวออกจากกัน ซึ่งจะส่งผลต่อสุขภาพจิต และคุณภาพชีวิตของคนส่วนใหญ่ในประเทศอย่างแน่นอน

โดยปัจจุบันนี้ ฮิคิโคโมริไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังพบในหมู่คนหนุ่มสาวของประเทศอื่นๆ ด้วย ทั้งในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะหลังจากเกิดการระบาดของโควิด-19 ที่ยาวนานหลายปี ดังนั้น การถอดบทเรียนที่เกิดขึ้น จึงมีความสำคัญกับทุกประเทศ เพื่อหาทางแก้ปัญหาให้สอดคล้องกับแต่ละวัฒนธรรมและปัจจัยแวดล้อม เพื่อไม่ให้กลุ่มคนที่แยกตัวจากสังคมเพิ่มจำนวน จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตต่อไป.

ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล

...