การยุบพรรคถือเป็นเรื่องปกติ สำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ แต่ประเทศที่ยุบพรรคอย่างมโหฬารที่สุด เห็นจะไม่มีใครเกินพม่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พม่า ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของรัฐบาลเผด็จการเต็มใบ ประกาศยุบพรรคการเมืองวันเดียว 40 พรรค
บรรดาพรรคที่ถูกยุบ ไม่ทราบว่ามีพรรคของทหารด้วยหรือไม่ แต่ที่แน่นอนที่สุดก็คือพรรคหนึ่งที่ถูกยุบ คือพรรค สันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี) ที่มีอองซาน ซูจี เป็นผู้นำ รัฐบาลเผด็จการยึดอำนาจรัฐบาลอองซาน ซูจี ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 โดยอ้างว่ารัฐบาลซูจีโกงการเลือกตั้ง 2563
พรรคเอ็นแอลดีชนะการเลือกตั้ง ติดต่อกันมาเป็นสมัยที่ 3 ไม่ใช่ชนะธรรมดา แต่ชนะแบบแผ่นดินถล่ม หรือ “แลนด์สไลด์” ครั้งสุดท้ายชนะเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2563 พรรคที่แพ้ยับเยินคือพรรคฝ่ายทหาร แต่กองทัพตัดสินชิงยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันที่สมาชิกรัฐสภาจะสาบานเข้ารับหน้าที่
รัฐบาลทหารสัญญาว่าจะให้เลือกตั้ง กลับคืนสู่ประชาธิปไตยภายใน 1 ปี คือปี 2565 แต่เลื่อนมาถึงปี 2566 ก็ยังสัญญาจะให้เลือกตั้ง แต่จู่ๆกลับประกาศยุบพรรครวดเดียว 40 พรรค ไม่ทราบจะทำตามสัญญาเลือกตั้งหรือไม่ ถ้าไม่เป็นไปตามสัญญา ต้องถือเป็นการก้าวถอยหลังของประชาธิปไตย
ไม่ใช่ก้าวถอยหลังแค่ประชาธิปไตยพม่า แต่ถอยหลังกันทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือกลุ่มอาเซียน ที่มีสมาชิก 10 ชาติ เป็นประชาธิปไตยเพียงไม่กี่ชาติ เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ส่วนประเทศไทยเรียกตัวเองว่า “ประชาธิปไตย” แต่แค่ครึ่งใบ มีรัฐประหารบ่อยกว่าพม่า
นักวิชาการบางคนอ้างว่า ประเทศ ในทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ ไม่เหมาะที่จะเป็นประชาธิปไตยแบบโลกตะวันตก เช่น ยุโรป หรืออเมริกาเหนือ เพราะวัฒนธรรมการเมืองต่างกัน วัฒนธรรม การเมืองเอเชียมักเอียงข้างอำนาจนิยม ไม่เหมือนวัฒนธรรมตะวันตก ที่ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย
...
แต่นักวิชาการหลายคนเห็นต่าง เชื่อว่าวัฒนธรรมประชาธิปไตยสามารถปลูกฝังกันได้ เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่มีเหตุผล และชี้ให้ดูหลายประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ หรือไต้หวัน หรือแม้แต่อินโดนีเซีย ซึ่งเคยอยู่ใต้เผด็จการนานหลายทศวรรษ ทำไมจึงสามารถพัฒนาให้เป็นประชาธิปไตยได้.