ธนาคารกลางยักษ์ใหญ่ที่สุด 2 แห่งในยุโรป ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานอีกครึ่งเปอร์เซ็นต์ เพื่อรับมือเงินเฟ้อในภูมิภาคที่ยังคงสูงเป็นประวัติการณ์

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ. 2566 ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และ แบงก์ ออฟ อิงแลนด์ ธนาคารกลางแห่งอังกฤษ ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานของตัวเองอีก 0.5% ไปอยู่ที่ 2.5% กับ 4% ตามลำดับ มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 เพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อในยุโรปที่ยังอยู่ในระดับสูง

ECB ระบุว่า พวกเขาคาดว่าจะเพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานขึ้นไปอีก และตั้งใจที่จะเพิ่มที่ 0.5% อีกครั้งในเดือนมีนาคม แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยใน 20 ประเทศผู้ใช้เงินสกุลยูโร จะชะลอตัวลงในเดือนมกราคมไปอยู่ที่ 8.5% แต่ยังสูงกว่าเป้าหมายของ ECB ที่ต้องการให้อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับ 2% มาก

นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB กล่าวว่า การต่อสู้เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อยังอีกยาวไกล แม้ราคาน้ำมันจะลดลงอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม

ด้านอัตราเงินเฟ้อในสหราชอาณาจักรก็ชะลอตัวลงเช่นกัน โดยอยู่ที่ 10.5% ในเดือนธันวาคม แต่ยังเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 41 ปี ซึ่ง แบงก์ ออฟ อิงแลนด์ กำลังเผชิญตัวเลือกที่ยากลำบาก เนื่องจากสหราชอาณาจักรกำลังเสี่ยงเข้าสู่ภาวะถดถอย แต่การขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อ จะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจลดลงไปด้วย

ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่า อัตราเงินเฟ้อใน UK จะลดลงอย่างมากตลอดปี 2566 นี้ แต่ยังมีปัจจัยที่ไม่แน่นอน “ตลาดแรงงานยังคงซบเซา ขณะที่ราคาภายในประเทศกับแรงกดดันด้านค่าแรงสูงกว่าที่คาดเอาไว้ บ่งชี้ถึงความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะคงอยู่นานกว่าที่คิด” นอกจากนั้น ราคาขายส่งพลังงานก็อาจเพิ่มเงินเฟ้อของ UK ให้สูงขึ้นมากกว่าที่คาด

ทั้งนี้ ทั่วทั้งภูมิภาคแอตแลนติก มีเพียงธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เพิ่มอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานในอัตราที่ลดลงเมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยเพิ่มเพียง 0.25% เนื่องจากพวกเขาเชื่อว่า สหรัฐฯ กำลังมีความคืบหน้าในการต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อ

...

ที่มา : cnn