สาวลูกครึ่งในเยอรมนีเจอข้อหาวางแผนสุดแยบยล ลวงสาวหน้าคล้ายมาฆ่า ใช้มีดกระหน่ำแทงเหยื่อจนจำใบหน้าไม่ได้ หวังหลอกพ่อแม่ให้เชื่อว่าเธอตายไปแล้ว
เมื่อ 2 ก.พ. 2566 สื่อต่างประเทศรายงานเกิดคดีฆาตกรรมซับซ้อนซ่อนเงื่อนในเยอรมนี ที่ความจริงมากระจ่างอย่างสุดช็อก เมื่อนางสาวชาราบัน เค สาวสวยชาวเยอรมัน เชื้อสายอิรัก วัย 23 ปี กำลังเผชิญหน้ากับข้อหาฆาตกรรมหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายที่หน้าตาละม้ายคล้ายกับเธอ โดยได้รับความช่วยเหลือจากแฟนหนุ่ม ชาวโคโซโว ชื่อ ชีเคอร์ เค
อัยการในรัฐบาวาเรีย เชื่อว่า นางสาวชาราบัน เค ต้องการฆ่าหญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายกับเธอ เพื่อทำให้พ่อแม่และคนในครอบครัว เข้าใจผิดว่าเธอถูกฆ่าตายไปแล้ว เพื่อจะได้หลบหนีจากปัญหาและความขัดแย้งในครอบครัว โดยชาราบัน เค ได้วางแผน ค้นหาหญิงสาวที่มีใบหน้าเหมือนกับเธอตามอินสตาแกรม และลวงให้มาพบเธอ จากนั้นได้ลงมือฆ่าเหยื่อสาวเคราะห์ร้าย ซึ่งเป็นบล็อกเกอร์สาวสวยในอินสตาแกรม ชาวแอลจีเรีย ชื่อว่า 'คาดิดจา โอ' เมื่อเดือนสิงหาคม 2565
...
อาวุธที่ใช้ก่อเหตุฆาตกรรมสุดช็อกนี้ยังหาไม่พบ แต่ตำรวจในรัฐบาวาเรียกล่าวว่า มีหลักฐานปรากฏมากมายบนศพของผู้ตาย คาดิดจา โอ ที่ถูกมีดแทงจนเสียชีวิต โดยคาดิดจา โอ ได้ถูกแทงกว่า 50 แผล จนจำใบหน้าไม่ได้
ภายหลังลงมือฆ่าคาดิดจา โอแล้ว ชารีบัน เค และชีเคอร์ เค แฟนหนุ่มได้ช่วยกันนำศพของคาดีจาโอมาวางไว้ที่เบาะหลังของรถ และขับไปยังเมืองอิงก็อลชตาดท์ ในรัฐบาวาเรีย และต่อมา พ่อแม่ของชารีบัน เค ได้พบรถคันนี้
ในตอนแรก พ่อแม่ของชาราบัน เค ได้มาชี้ศพและเชื่อว่าเป็นลูกสาวที่ถูกฆ่าตายไปแล้ว แต่จากการชันสูตรพลิกศพได้นำไปสู่การคลี่คลายคดี เพราะก่อให้เกิดคำถามขึ้น จนทำให้ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนได้สืบคดีนี้ จนเชื่อว่า ชาราบัน เค ได้พยายามติดต่อหาผู้หญิงหลายคนที่ใบหน้าคล้ายคลึงกับเธอทางโซเชียลมีเดีย ในสัปดาห์ที่เหตุฆาตกรรมนี้เกิดขึ้น และคาดิดจา โอ ได้ตกลงมาพบกับเธอตามข้อเสนอว่าจะได้รับเครื่องสำอางเป็นรางวัล
เจ้าหน้าที่ตำรวจเชื่อว่า สองผู้ต้องหาได้พา คาดิดจา โอ ขึ้นรถออกจากอพาร์ตเมนต์ของชาราบัน เค และไปลงมือฆ่าเธอในป่า ระหว่างเมืองไฮลบรอนน์ กับอิงก็อลสตาดท์
ตำรวจรัฐบาวาเรียได้ออกหมายจับนายชีเคอร์ เค และชาราบัน เค เมื่อเดือนมกราคม ที่ผ่านมา และขณะนี้ทั้งสองกำลังเผชิญกับข้อหาฆ่าคนตาย ซึ่งหากศาลตัดสินว่ากระทำผิดจริงจะได้รับโทษสูงสุดคือถูกจำคุกตลอดชีวิต
ที่มา : wionews ,independent
ขอบคุณภาพจาก : twitter