เจ้าหน้าที่อินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ชาวมุสลิมโรฮีนจาที่อยู่ในสภาพหิวโหยและอ่อนล้าหลายสิบคนถูกพบบนชายหาดในจังหวัดอาเจะห์ ทางตอนเหนือสุดของอินโดนีเซียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากร่อนเร่กลางทะเลมานานหลายสัปดาห์ 

หัวหน้าตำรวจท้องถิ่น ระบุว่า พบกลุ่มชาวโรฮีนจา 58 คน ที่ชายหาดอินทราปาตรา บริเวณหมู่บ้านชาวประมงลาดง ในอำเภออาเจะห์เบซาร์ เมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์ ตามเวลาท้องถิ่น โดยชาวบ้านที่เห็นกลุ่มชาวโรฮีนจาบนเรือไม้ที่อยู่ในสภาพง่อนแง่น ได้เข้าช่วยเหลือพวกเขาขึ้นฝั่ง และได้รายงานเรื่องดังกล่าวต่อทางการ ขณะที่แพทย์ในที่เกิดเหตุกล่าวว่า ผู้อพยพ 3 คนอยู่ในอาการสาหัส และหลายคนขาดน้ำ

องค์การสหประชาชาติและกลุ่มต่างๆ เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในเอเชียใต้ ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยมากถึง 190 คน ที่เชื่อว่าเป็นชาวโรฮีนจา บนเรือขนาดเล็กที่ลอยลำอยู่ในทะเลอันดามันเป็นเวลาหลายสัปดาห์

ผู้บัญชาการตำรวจ กล่าวว่า ไม่ชัดเจนว่ากลุ่มดังกล่าวเดินทางมาจากที่ใด หรือเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจา 190 คนที่ลอยอยู่ในทะเลอันดามันหรือไม่

แต่ชายคนหนึ่งที่พูดภาษามลายูได้บางส่วนกล่าวว่า พวกเขาอยู่ในทะเลมานานกว่า 1 เดือน และมีเป้าหมายที่จะขึ้นฝั่งในมาเลเซีย เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีขึ้นและทำงานที่นั่น

ชาวมุสลิมโรฮีนจามากกว่า 700,000 คน หลบหนีจากเมียนมา ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวพุทธ ไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในบังกลาเทศตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2017 หลังกองทัพเมียนมาเปิดปฏิบัติการกวาดล้างเพื่อตอบโต้การโจมตีโดยกลุ่มกบฏ โดยกองกำลังรักษาความมั่นคงของเมียนมาถูกกล่าวหาว่าข่มขืนหมู่ สังหารหมู่ และเผาบ้านเรือนหลายพันหลัง

กลุ่มชาวโรฮีนจาพยายามออกจากค่ายที่แออัดในบังกลาเทศ และเดินทางทางทะเลที่เต็มไปด้วยอันตรายไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคนี้ ที่มีชาวมุสลิมเป็นประชากรส่วนใหญ่

...

ขณะที่มาเลเซียประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ถือเป็นจุดหมายปลายทางของเรือผู้อพยพ และผู้ค้ามนุษย์ได้ให้คำมั่นสัญญากับผู้ลี้ภัยว่าจะมีชีวิตที่ดีขึ้นที่นั่น แต่ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาจำนวนมากที่ขึ้นฝั่งในมาเลเซียกลับต้องเผชิญกับการกักขัง

แม้ว่าอินโดนีเซียจะไม่ได้ลงนามในอนุสัญญาว่าด้วยผู้ลี้ภัยปี 1951 ของสหประชาชาติ แต่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHCR กล่าวว่า ข้อบังคับประธานาธิบดี ปี 2016 ได้กำหนดกรอบทางกฎหมายระดับชาติที่ควบคุมการปฏิบัติต่อผู้ลี้ภัยบนเรือที่ประสบภัยใกล้อินโดนีเซียและช่วยเหลือพวกเขาขึ้นฝั่ง

บทบัญญัติเหล่านี้ถูกนำมาใช้เป็นเวลาหลายปี ล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว เมื่อผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาประมาณ 219 คน ซึ่งรวมถึงผู้หญิง 63 คน และเด็ก 40 คน ได้รับการช่วยเหลือนอกชายฝั่งจังหวัดอาเจะห์ ที่เดินทางด้วยเรือที่อยู่ในสภาพใกล้พังสองลำ.