บริษัท เมตา โดนฟ้องร้องเรียกเงินชดเชย 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จวกเฟซบุ๊กสนับสนุนข้อความเกลียดชัง ทำให้ความรุนแรงในเอธิโอเปียแพร่กระจาย

สำนักข่าว อัลจาซีรา รายงานว่า นักวิจัยชาวเอธิโอเปีย 2 คน กับสถาบัน คาติบา องค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศเคนยา ยื่นฟ้องร้องบริษัท เมตา ผู้ให้บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ชื่อดังอย่าง เฟซบุ๊ก ต่อศาลสูงกรุงไนโรบี ของเคนยา เมื่อวันอังคารที่ 13 ธ.ค. ที่ผ่านมา

ผู้ฟ้องกล่าวหาว่า อัลกอริทึมของเฟซบุ๊กโปรโมตเนื้อหาสร้างความเกลียดชังและปลุกปั่นในเอธิโอเปีย เนื่องจากมีโอกาสที่เนื้อหาเหล่านี้จะทำให้ผู้ใช้เข้ามามีปฏิสัมพันธ์มากขึ้น แต่กลับทำให้ความรุนแรงในเอธิโอเปียเลวร้ายลง รวมถึงหลายข้อความที่นำไปสู่การฆาตกรรมพ่อของหนึ่งในนักวิจัยที่ยื่นฟ้องร้องครั้งนี้

พวกเขาร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ เมตา ใช้มาตรการฉุกเฉินเพื่อลดการสนับสนุนเนื้อหารุนแรง, เพิ่มเจ้าหน้าที่คัดกรองเนื้อหาที่ศูนย์ในกรุงไนโรบี และจัดตั้งกองทุนชดเชยมูลค่าราว 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้แก่เหยื่อความรุนแรงจากการปลุกปั่นของเฟซบุ๊กด้วย

ทั้งนี้ เอธิโอเปียเผชิญสงครามภายในประเทศมาตั้งแต่ปี 2563 หลังรัฐบาลเริ่มการต่อสู้กับกลุ่มกบฏในภูมิภาคทิเกรย์ มีผู้เสียชีวิตนับแสนราย ประชาชนกว่า 400,000 คนต้องใช้ชีวิตในภาวะเสมือนอดอยาก

ระหว่างนั้น เครือข่ายสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊ก ถูกใช้เพื่อแพร่กระจายข้อความปลุกปั่นจำนวนมาก ทำให้เหตุความรุนแรงตามมามากมาย รวมถึงทำให้ศาสตราจารย์ มีเรก อามาเร อับรา พ่อของนาย อับราฮัม มีเรก หนึ่งในผู้ฟ้องร้องถูกฆาตกรรมเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2564

...

ราว 1 เดือนก่อนเกิดเหตุ มีการโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของ ศ.อับรา พร้อมกล่าวหาว่าเขาใช้ข้อความเหยียดเชื้อชาติและเรียกร้องให้สังหารนายอับรา กระทั่งในวันที่ 3 พ.ย. 2564 ศ.อับราก็ถูกยิงที่หน้าบ้านของตัวเอง โดยคนร้ายข่มขู่ผู้เห็นเหตุการณ์ไม่ให้เข้าช่วยเหลือ ทำให้เขาเสียชีวิตอยู่ตรงนั้นในอีก 7 ชั่วโมงต่อมา

นายมีเรกผู้เป็นลูกชายระบุว่า เขาพยายามแจ้งเฟซบุ๊กเรื่องข้อความเกลียดชังแล้ว แต่พวกเขาก็ยังไม่ลบโพสต์จนกระทั่งสายเกินไป และลบโพสต์หลังจากที่พ่อของเขาถูกสังหารไปแล้ว “ถ้าเฟซบุ๊กหยุดกระจายความเกลียดชังและคัดกรองโพสต์อย่างเหมาะสม พ่อของผมก็คงยังมีชีวิตอยู่”