- จีนกำลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางการกลับมาเปิดประเทศอีกครั้ง หลายเมืองเริ่มเข้าสู่นโยบายคุมโควิดที่ปรับเปลี่ยนใหม่ ท่ามกลางการแพร่ระบาดระลอกใหม่ที่คาดว่าจะทำให้จีนต้องเสียเวลาไปอีกหลายเดือนกว่าที่จะเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ทำให้นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของจีนอาจเป็นไปอย่างช้าๆ และไม่ราบรื่นนัก
- นักวิเคราะห์เตือนว่า เส้นทางสู่การอยู่ร่วมกับโควิดของจีนอาจต้องใช้เวลานาน และมองว่าโควิดอาจกลับมาระบาดหนักอีกครั้งในช่วงฤดูหนาว ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดทำได้ยากมากขึ้น
- ที่ปรึกษารัฐบาลจีนเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจีนจะกระเตื้องกลับมาดีขึ้นอย่างเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมนแซกส์ และยูบีเอส ประเมินว่า ตัวเลขจีดีพีจีนจะเพิ่มขึ้น 4.5% ในปีหน้า ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ประเมินว่าอยู่ที่ 5% ด้านโนมูระคาดว่าอยู่ที่ 4%
กว่า 3 ปีมาแล้วนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เมืองอู่ฮั่นของจีน และพบการระบาดใหญ่ทั่วโลก จีนยังคงแน่วแน่ในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ กุญแจสำคัญสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างมองว่าในขณะที่จีนกำลังเดินหน้าสู่การเปิดประเทศอีกครั้ง การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจจะเป็นไปอย่างช้าๆ และไม่ราบรื่นนัก หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และแม้ปัจจุบันจีนใช้มาตรการที่เรียกว่า "โควิดเป็นศูนย์แบบพลวัต" (Dynamic Zero-COVID) ซึ่งเพิ่มคำว่าพลวัตเข้ามา แต่ความเข้มข้นในการบังคับใช้ก็ไม่ได้ลดลง
...
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า รองนายกรัฐมนตรีซุน ชุนหลาน ที่ดูแลด้านควบคุมการแพร่ระบาด บอกว่า มาตรการควบคุมโควิดของจีนจะเข้าสู่เฟสใหม่หลังพบว่าเชื้อไวรัสมีความรุนแรงน้อยลงและอัตราการฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่ตลาดหุ้นตอบรับในทางที่ดีกับข่าวนี้ หุ้นจีนทะยานขึ้น นำโดยหุ้นในกลุ่มอุปโภคและบริโภค ทั้งในตลาดฮ่องกงและจีนแผ่นดินใหญ่ เงินหยวนแข็งค่าขึ้นเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายได้ออกมาเตือนว่า เส้นทางสู่การอยู่ร่วมกับโควิดอาจเป็นไปอย่างช้าๆ และไม่ราบรื่น โดย นายลู่ ถิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่สถาบันโนมูระ มองว่า โควิดอาจกลับมาระบาดหนักอีกครั้งในช่วงฤดูหนาว ทำให้การควบคุมการแพร่ระบาดทำได้ยากมากขึ้น ขณะที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างแท้จริงที่มาจากการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศมากขึ้น อาจจะเกิดขึ้นได้ในช่วงที่ตัวเลขการแพร่ระบาดลดลง
เริ่มทยอยคลายมาตรการคุมเข้ม
ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนเริ่มผ่อนคลายนโยบายคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้นแล้ว แม้ว่าจะไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการก็ตาม โดยในกรุงปักกิ่งได้มีการรื้อถอนบูธสำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ออกไป หลังจากที่มีการยกเลิกเงื่อนไขในการแสดงผลตรวจเป็นลบก่อนเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต และเตรียมยกเลิกการแสดงผลตรวจสำหรับการใช้บริการรถไฟใต้ดินในวันจันทร์นี้ ส่วนในสถานที่ต่างๆ ที่รวมถึงสำนักงาน ยังคงต้องแสดงผลตรวจ ส่วนเมืองเซินเจิ้น ประกาศว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบเพื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือเข้าไปใช้สวนสาธารณะ หลังจากมีการประกาศในลักษณะเดียวกันนี้ที่เมืองเฉิงตูและนครเทียนจิน
การผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มดังกล่าวมีขึ้นขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของจีนยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในวันที่ 2 ธันวาคม มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 32,827 คน ลดลงจาก 34,772 คนในหนึ่งวันก่อนหน้า และจนถึงวันที่ 2 ธ.ค. จีนมีผู้เสียชีวิตจากโควิดรวมทั้งสิ้น 5,233 ศพ และผู้ป่วยที่แสดงอาการ 331,952 ราย
ด้านเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปเผยว่า ในระหว่างการหารือกับเจ้าหน้าที่อียูเมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวตำหนิการจัดการประท้วงครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านนโยบายโควิดของรัฐบาลจีน แต่กล่าวว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอนได้ช่วยปูทางไปสู่ข้อกำหนดที่เข้มงวดน้อยลง
เสี่ยงระบาดรอบใหม่ลากยาวอีกหลายเดือน
สภาหอการค้ายุโรปในจีน ระบุว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนเสียเวลาไปอย่างน้อย 1 ปีในการเตรียมเข้าสู่การเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ และหากยกเลิกมาตรการคุมเข้มต่างๆ ก่อนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ จีนก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการกลับมาระบาดใหญ่อีกรอบ ส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ และอาจนำไปสู่การประกาศมาตรการควบคุมที่เข้มงวดอีกครั้ง อย่างที่เราได้เห็นมาแล้วในช่วงต้นปีนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นจะกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ
แม้ว่าที่ผ่านมารัฐบาลจีนจะย้ำถึงความพยายามสร้างความสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจและการควบคุมการแพร่ระบาด แต่มาตรการล็อกดาวน์ที่ไม่มีวันสิ้นสุด การกักตัวและตรวจหาเชื้อแบบปูพรม ได้ทำให้ประชาชนเหนื่อล้าและหมดความอดทน นำมาสู่การประท้วงครั้งใหญ่ตามสถานศึกษาและในหลายเมือง
...
ขณะที่ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจภาคบริการของจีนได้กลายเป็นเหยื่อของนโยบายซีโร่ โควิด เนื่องจากทางการจำกัดการเดินทางเมื่อพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ขณะที่ภาคอุตสาหกรรมที่ได้รับประโยชน์จากความต้องการเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าทางการแพทย์ในช่วงแรกของการแพร่ระบาด มาในปีนี้ก็ประสบภาวะชะงักงัน ยอดส่งออกลดลงในช่วงที่การแพร่ระบาดกลับมารุนแรงอีกรอบ
อย่างไรก็ตาม ที่ปรึกษารัฐบาลจีน กล่าวว่า เศรษฐกิจจีนจะกระเตื้องกลับมาดีขึ้นอย่างเร็วที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะชะลอตัวต่อเนื่อง ส่วนนักเศรษฐศาสตร์ของโกลด์แมนแซกส์ และยูบีเอส ประเมินว่า ตัวเลขจีดีพีจีนจะเพิ่มขึ้น 4.5% ในปีหน้า ส่วนมอร์แกน สแตนลีย์ประเมินว่าอยู่ที่ 5% ด้านโนมูระคาดว่าอยู่ที่ 4%.
ผู้เขียน : เพ็ญโสภา สุคนธรักษ์
...