จีนผ่อนคลายนโยบายคุมเข้มป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้น แม้ว่าจะไม่มีการประกาศออกมาอย่างเป็นทางการก็ตามที 

ในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ได้มีการรื้อถอนบูธสำหรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ออกไป หลังจากที่มีการยกเลิกเงื่อนไขในการแสดงผลตรวจเป็นลบก่อนเข้าไปยังสถานที่ต่างๆ เช่น ซุปเปอร์มาร์เก็ต และเตรียมยกเลิกการแสดงผลตรวจสำหรับการใช้บริการรถไฟใต้ดินในวันจันทร์นี้ ส่วนในสถานที่ต่างๆ ที่รวมถึงสำนักงาน ยังคงต้องแสดงผลตรวจ

ขณะที่ เมืองเซินเจิ้น ประกาศว่า ประชาชนไม่จำเป็นต้องแสดงผลตรวจโควิดเป็นลบเพื่อใช้บริการขนส่งสาธารณะ หรือเข้าไปใช้สวนสาธารณะ หลังจากมีการประกาศในลักษณะเดียวกันนี้ที่เมืองเฉิงตูและนครเทียนจิน

การผ่อนคลายมาตรการคุมเข้มดังกล่าวมีขึ้นขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ของจีนยังคงอยู่ในระดับสูง โดยในวันที่ 2 ธันวาคม มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่ 32,827 คน ลดลงจาก 34,772 คนในหนึ่งวันก่อนหน้า และจนถึงวันที่ 2 ธ.ค. จีนมีผู้เสียชีวิตจากโควิดรวมทั้งสิ้น 5,233 ศพ และผู้ป่วยที่แสดงอาการ 331,952 ราย

ทั้งนี้ จีนเตรียมประกาศการผ่อนคลายนโยบายการตรวจหาเชื้อทั่วประเทศเพิ่มเติม เช่นเดียวกับการอนุญาตให้ผู้มีผลตรวจเป็นบวกและผู้สัมผัสใกล้ชิดสามารถกักตัวที่บ้านได้ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดต่างๆ ที่เข้มงวดน้อยลง

ด้านเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรปเผยว่า ในระหว่างการหารือกับเจ้าหน้าที่อียูเมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้กล่าวตำหนิการจัดการประท้วงครั้งใหญ่เพื่อต่อต้านนโยบายโควิดของรัฐบาลจีน แต่กล่าวว่าไวรัสโคโรนาสายพันธุ์โอมิครอนได้ช่วยปูทางไปสู่ข้อกำหนดที่เข้มงวดน้อยลง

นักวิเคราะห์หลายคนคาดว่า จีนจะยังคงไม่กลับมาเปิดประเทศอีกครั้งอย่างมีนัยสำคัญจนกว่าจะถึงหลังเดือนมีนาคมเป็นอย่างน้อย เนื่องจากจีนต้องบรรลุผลสำเร็จในการขับเคลื่อนการฉีดวัคซีนที่เพิ่งเปิดตัวที่มีเป้าหมายเป็นผู้สูงอายุเสียก่อน

...

คาดการณ์ว่าจำนวนผู้เสียชีวิตหากจีนกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบ จะอยู่ระหว่าง 1.3 ล้านคนถึงมากกว่า 2 ล้านคน แม้ว่านักวิจัยบางคนกล่าวว่ายอดผู้เสียชีวิตอาจลดลงอย่างรวดเร็วหากมีการมุ่งเน้นที่การฉีดวัคซีน

สามปีหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 จีนยังเป็นเพียงประเทศเดียวที่ยังคงยึดมั่นในนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ซึ่งมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นวงกว้างและการตรวจหาเชื้อในพื้นที่เสี่ยงบ่อยครั้ง ซึ่งสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจและยังสร้างความไม่พอใจในหมู่ประชาชน ซึ่งจีนระบุว่ามาตรการต่างๆ เป็นสิ่งจำเป็นต่อการช่วยรักษาชีวิตผู้คน หลีกเลี่ยงไม่ให้ระบบสาธารณสุขมีคนไข้เป็นจำนวนมาก.