เลดี้ซูซาน ฮัซซีย์ นางสนองพระโอษฐ์ ผู้ช่วยคนสนิทในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ผู้ล่วงลับ ยื่นลาออกจากตำแหน่งหลังทำงานรับใช้ใกล้ชิดมากว่า 60 ปี จากกรณีโดนข้อกล่าวหาเหยียดเชื้อชาติ
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2565 สำนักข่าวบีบีซี รายงานว่า เลดี้ซูซาน ฮัซซีย์ วัย 83 ปี ผู้ดำรงตำแหน่งนางสนองพระโอษฐ์ สมาชิกผู้ทรงเกียรติของสำนักพระราชวังอังกฤษ ผู้เป็นข้ารับใช้ใกล้ชิดในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธ ที่ 2 ผู้ล่วงลับ และเป็นแม่ทูลหัวของเจ้าชายวิลเลียม ได้ออกมากล่าวขอโทษ พร้อมยื่นลาออกจากตำแหน่งแล้ว หลังเจอข้อครหาว่า เธอได้ใช้ถ้อยคำในทำนองเหยียดเชื้อชาตินางอึนโกซี ฟูลานี ผู้ก่อตั้งและผู้บริหาร Women's Equality Party องค์กรการกุศลช่วยเหลือสตรีผู้อพยพ ซึ่งมีสำนักงานในกรุงลอนดอน ภายในงานเลี้ยงที่พระราชวังบักกิงแฮม เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อรณรงค์การยุติความรุนแรงในครอบครัว
รายงานข่าวระบุว่าเลดี้ซูซาน ฮัซซีย์ ผู้เป็น 1 ใน 6 แม่ทูนหัวของเจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ และทำงานรับใช้ใกล้ชิดสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 มากว่า 60 ปี ได้พูดจาในทำนองเหยียดเชื้อชาติ โดยเค้นถามนางฟูลานี สตรีผิวดำสัญชาติอังกฤษหลายครั้งว่าเธอมาจากประเทศใดกันแน่ ซึ่งนางฟูลานี ตอบว่าเธอเป็นชาวอังกฤษ
ทางด้านสำนักพระราชวังเคนซิงตัน ออกแถลงการณ์ระบุว่า สังคมของเราไม่มีที่ให้กับการเหยียดผิวและเชื้อชาติ คำพูดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้ และเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว ที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะต้องก้าวลงจากตำแหน่งทันที สอดคล้องกับถ้อยคำในหนังสือแถลงการณ์ของสำนักพระราชวังบักกิงแฮม ที่ระบุว่า เป็นคำพูดที่ไม่อาจยอมรับได้และน่าเสียใจอย่างที่สุด
...
ข่าวฉาวเรื่องการเหยียดเชื้อชาติในสถาบันราชวงศ์อังกฤษ ถูกเผยแพร่ออกมาในวันแรกที่เจ้าชายวิลเลียม เจ้าชายแห่งเวลส์ และเคท เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายาเสด็จเยือนนครบอสตันของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นการปฏิบัติพระกรณียกิจในต่างประเทศครั้งแรก นับตั้งแต่การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา.