นักวิจัยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เผยผลการศึกษาวิจัย พบอาการ 'ลองโควิด' ใหม่ ที่อาจเล่นงานคนติดโควิด ในช่วง 6 เดือนต่อมา

เมื่อ 17 พ.ย. 65 เดอะซันรายงาน ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ในอังกฤษ ได้รายงานการศึกษาใหม่ลงในวารสาร Neurology ถึงอาการหลงเหลือจากการติดเชื้อโควิด-19 หรือเรียกกันว่า 'Long Covid' (ลองโควิด) โดยพบว่าผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นที่จะเกิดอาการชัก หรือ โรคลมชัก (ลมบ้าหมู) ในช่วง 6 เดือนหลังติดเชื้อ มากกว่าคนที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่จะเกิดอาการชักหรือโรคลมชัก หลังจากติดเชื้อโควิด-19 ยังจัดว่าอยู่ในระดับต่ำ

ทีมนักวิจัยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้ทำการศึกษาวิจัยกับผู้ที่ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่และเชื้อโควิด-19 จำนวนกว่า 150,000 คน ซึ่งเปรียบเทียบระหว่างคนเพศเดียวกัน อายุเท่ากัน ประวัติเจ็บป่วย และไม่เคยมีประวัติป่วยด้วยอาการชักหรือโรคลมบ้าหมูมาก่อน พบว่า เชื้อโควิด-19 ก่อให้เกิดความเสี่ยงมากขึ้นที่จะทำให้ผู้ติดเชื้อมีอาการชัก หรือโรคลมชัก โดยเฉพาะเป็นที่สังเกตว่าเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 มีอาการลมชัก มากกว่าผู้ใหญ่ และยังพบได้บ่อยในผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่ได้เข้าโรงพยาบาล

การศึกษาวิจัยของนักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดซึ่งเก็บข้อมูลในช่วง 6 เดือน พบว่าผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ดูเหมือนจะพัฒนาไปสู่การเกิดอาการชัก หรือโรคลมชัก ในช่วง 6 เดือนข้างหน้ามากกว่าคนติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ถึง 55 เปอร์เซ็นต์

Arjune Sen นักวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ผู้เขียนงานวิจัยเรื่องนี้กล่าวว่า ถึงแม้มีการค้นพบในเรื่องนี้ แต่ก็จัดว่าอยู่ในระดับต่ำ เพราะเป็นจำนวนน้อยกว่า 1 เปอร์เซ็นต์ของคนทุกคนที่ตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงที่เกิดอาการชักและโรคลมชักในเด็กที่ติดเชื้อโควิด-19 นั้น เป็นอีกเหตุผลหนึ่งของนักวิจัยที่พยายามหาทางป้องกันไม่ให้เด็กติดเชื้อ

...

Arjune Sen ย้ำอีกว่า ขอให้ประชาชนควรตีความผลการวิจัยด้วยนี้ด้วยความระมัดระวัง ว่าความเสี่ยงที่ผู้เคยติดเชื้อโควิด-19 จะเกิดอาการชักหรือโรคลมชักยังอยู่ในระดับต่ำ