• นักศึกษาชาวจีนกว่า 290,000 คนยังคงเดินทางมาศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาของสหรัฐอเมริกาในช่วงปี 2021-2022 แม้จะลดลงไปราว 8.6 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อปีก่อนก็ตาม
  • กว่าครึ่งหนึ่งของนักศึกษาชาวจีน เลือกลงเรียนในหลักสูตร STEM ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าชาวจีนมีอิสระจากความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ หรือความตึงเครียดด้านการเมือง

เป็นที่รู้กันดีว่าว่าความสัมพันธ์ระหว่างมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ฝั่งตะวันตกอย่างสหรัฐฯ กับมหาอำนาจของฝั่งตะวันออกอย่างจีน ไม่สู้ดีนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่สำหรับการศึกษาต่อแล้ว ในปีที่ผ่านมาชาวจีนยังคงส่งนักเรียนนักศึกษาเข้ามาเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ มากกว่าชาติอื่นๆ ในโลก แม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงบ้างจากปัจจัยอื่นๆ ก็ตาม

จากข้อมูลการสำรวจประจำปีของกระทรวงต่างประเทศที่เพิ่งเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (14 พ.ย.) พบว่า มีนักเรียนนักศึกษาชาวจีนมาศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกาทั้งในระดับอุดมศึกษา ปริญญาตรี ปริญญาโท รวมถึงการจ้างงานในระยะสั้นของผู้ที่จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปในช่วงปีการศึกษา 2021-2022 รวมทั้งสิ้น 290,086 คน

...

ตัวเลขนี้ลดลงกว่าปีการศึกษาก่อนหน้า 8.6 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนนักศึกษาที่มาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีในสหรัฐอเมริกาลดลง 12.8 เปอร์เซ็นต์ จากปีที่แล้วที่มีนักศึกษาชาวจีนเข้ามาศึกษาต่อในสหรัฐฯ 109,492 คน อย่างไรก็ตาม จำนวนของนักเรียนชาวจีนในสหรัฐอเมริกาก็ยังเติบโตขึ้น 3.6 เปอร์เซ็นต์ มาอยู่ที่ 123,182 คน โดยผลสำรวจยังพบอีกว่า ครึ่งหนึ่งของนักศึกษาชาวจีนเหล่านี้ มาลงเรียนในสาขาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ วิศวกรรม และวิชาที่เกี่ยวข้องด้าน STEM อื่นๆ

ดร.อัลแลน กู๊ดแมน ซีอีโอของสถาบันการศึกษานานาชาติ ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ร่วมเก็บข้อมูลให้แก่กระทรวงต่างประเทศระบุว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้อมูลตัวเลขเหล่านี้ค่อนข้างคงที่ โดยแยกออกจากความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หรือความตึงเครียดทางการเมืองอย่างชัดเจน โดยแนวโน้มการศึกษาต่อแยกออกมาเป็นเอกเทศ และเชื่อว่าจะไม่เปลี่ยนแปลงแม้อุณหภูมิทางการเมืองจะเป็นเช่นไร

อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจไม่ได้มีการลงลึกว่าทำไมนักศึกษาระดับปริญญาตรีของจีน และจำนวนนักศึกษาปริญญาโทจึงมีการเปลี่ยนแปลงในทิศทางที่สวนทางกัน จากเดิมที่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักศึกษาจีนส่วนใหญ่จะเข้ามาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีมากกว่า แต่ดร.กู๊ดแมนเชื่อว่าเหตุผลหนึ่งที่เป็นไปได้ อาจจะเป็นเพราะนักศึกษาระดับปริญญาโท มักจะเป็นผู้ใหญ่แล้ว ทำให้มีอิสระและสามารถตัดสินใจเลือกได้ด้วยตัวเอง ว่าพวกเขาอยากจะไปที่ไหน ขณะที่แผนการศึกษาต่อของนักศึกษาระดับปริญญาตรี ยังคงต้องอยู่ภายใต้การตัดสินใจของพ่อแม่ของพวกเขา โดยขณะนี้ทางสหรัฐฯ เองยังไม่สามารถที่จะเข้าไปแนะแนว หรือจูงใจนักเรียนนักศึกษาชาวจีนให้มาเรียนต่อในสหรัฐฯ ได้โดยตรง เนื่องจากยังติดมาตรการคุมโควิด-19 ที่เข้มงวดของทางการจีนอยู่

หยิงยี่ หม่า ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเซียราครูซ ที่เขียนหนังสือเกี่ยวกับความสำเร็จของนักศึกษาชาวจีนในการศึกษาต่อในสหรัฐอเมริกา ระบุว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้จำนวนนักศึกษาชาวจีนเข้ามาเรียนต่อในสหรัฐฯ น้อยลง ก็คือเหตุผลทางด้านเศรษฐิจที่อ่อนแอลงของจีนด้วย เพราะการมาศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีในสหรัฐฯ ก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงมาก ทำให้นักเรียนนักศึกษาที่ทุนน้อย ที่ผู้ปกครองเคยใช้วิธีจำนองบ้านเพื่อนำมาเป็นทุนในการเรียนต่อ อาจจะไม่กล้าเสี่ยงที่จะเอาที่อยู่อาศัยของตัวเองมาเป็นเดิมพันในภาวะเศรษฐกิจไม่แน่นอนเช่นนี้

การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักศึกษาปริญญาโทจากจีน เป็นแนวโน้มที่เกิดขึ้นต่อเนื่องมากกว่า 2 ปีแล้ว หลังจากที่ทำเนียบขาวภายใต้การนำของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งให้คุมเข้มการออกวีซ่าของนักศึกษาชาวจีน ที่เชื่อมโยงกับกองทัพของจีน โดยคำสั่งดังกล่าวถูกนำมาทบทวนใหม่ในสมัยของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ยืนยันว่า ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักศึกษาที่สมัครเข้ามาศึกษาต่อในสหรัฐฯ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

...


ทั้งนี้ นอกจากผลการสำรวจจะชี้ให้เห็นถึงจำนวนนักศึกษาชาวจีนที่มาศึกษาต่อในสหรัฐฯแล้ว ในทางกลับกันยังมีการสำรวจถึงตัวเลขของนักศึกษาชาวอเมริกันที่ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศในช่วงปี 2020-2021 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 ด้วย โดยพบว่าประเทศจีนเป็นจุดหมายในการไปศึกษาต่อของนักศึกษาชาวอเมริกันเป็นอันดับที่ 11 โดยมีนักศึกษาชาวอเมริกันไปศึกษาต่อที่จีน 382 คน ลดลงไป 84.6 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับปีการศึกษาก่อนหน้า โดยตัวเลขของนักศึกษาชาวอเมริกันที่ไปเรียนที่จีนลดลงอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่มาลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงการระบาดของโควิด

อาจารย์หม่า แห่งมหาวิทยาลัยเซียราครูซ ระบุว่า อาจจะเป็นการกล่าวเกินจริงหากจะพูดว่าเรื่องการเมืองไม่มีผลอะไรเลย กับการตัดสินใจเลือกประเทศที่จะไปศึกษาต่อของนักศึกษาจีนและนักศึกษาชาวอเมริกัน แต่แรงจูงใจในการเลือกที่เรียนของชาวอเมริกันและชาวจีนก็ยังมีความแตกต่างกันด้วย โดยนักศึกษาชาวจีนที่เลือกมาเรียนต่อในสหรัฐฯ ไม่ได้เลือกที่จะเดินทางมาเพราะพวกเขารักหรือสนใจประเทศสหรัฐอเมริกา แต่พวกเขาเพียงต้องการปริญญาจากอเมริกาเพื่อให้พวกเขาได้งานที่ดีขึ้น ขณะที่นักศึกษาชาวอเมริกันที่เลือกจะไปเรียนต่อที่จีน มักจะเป็นเพราะพวกเขาอยากรู้เรื่องราวหรือวัฒนธรรมของจีน ดังนั้นการตัดสินใจของพวกเขาจะได้รับอิทธิพลจากเรื่องราวทางการเมืองมากกว่า ซึ่งเมื่อชาวอเมริกันเริ่มมีทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวกับประเทศจีน ก็ทำให้นักศึกษาชาวอเมริกันไม่สนใจประเทศจีนเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป.

ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล

...