นายอีลอน มัสก์ เจ้าของทวิตเตอร์คนใหม่ เตือนว่า มีความเป็นไปได้ที่บริษัทกำลังเข้าสู่ภาวะล้มละลาย ท่ามกลางสถานการณ์ที่ยุ่งเหยิงหลังได้รับคำเตือนจากคณะกรรมาธิการการค้าแห่งรัฐของสหรัฐฯ หรือ FTC และการลาออกของผู้อำนวยการฝ่ายความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของทวิตเตอร์
มัสก์ส่งอีเมลฉบับแรกอย่างเป็นทางการถึงพนักงานในบริษัท มีเนื้อหาสำคัญคือ การยกเลิกนโยบายทำงานทางไกล โดยระบุว่า พนักงานทุกคนต้องกลับเข้ามาทำงานในสำนักงานไม่น้อยกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จนกว่าจะได้รับอนุญาตให้พนักงานทำงานที่ใดก็ได้
มัสก์ยังระบุในอีเมลว่า ไม่มีทางที่จะอ้อมค้อมเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวกำลังจะกระทบรายได้โฆษณาของทวิตเตอร์
ขณะเดียวกัน มัสก์ กล่าวว่า ต้องการให้รายได้ครึ่งหนึ่งของบริษัทมาจากการสมัครใช้บริการ "ทวิตเตอร์ บลู" ซึ่งเรียกเก็บเงินจากผู้ใช้เดือนละ 8 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 289 บาท และเตือนพนักงานว่า "ช่วงเวลายากลำบากกำลังรออยู่" รวมถึงการที่ทวิตเตอร์อาจประสบกับภาวะล้มละลาย พร้อมระบุตัวเลขหนี้สินสะสมมากถึง 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 470,210 ล้านบาท
เมื่อวันพฤหัสบดี นายโยเอล รอธ ผู้อำนวยการฝ่ายความเชื่อมั่นและความปลอดภัยของทวิตเตอร์ ได้ระบุในโปรไฟล์ของเขาในทวิตเตอร์ ที่ชี้ให้เห็นว่าเขาไม่ได้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวแล้ว
นอกจากนั้น นายเดเมียน คีแรน ผู้อำนวยฝ่ายความเป็นส่วนตัว มาเรียน โฟการ์ตี้ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ และ ลีอา คิสเนอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายความปลอดภัย ได้ลาออกจากตำแหน่งเช่นกัน
การลาออกดังกล่าวอาจยิ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับทวิตเตอร์ เรื่องการละเมิดระเบียบข้อบังคับ โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (เอสอีซี) ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับการลาออกครั้งนี้
...
โดยทวิตเตอร์เคยถูกสั่งปรับเป็นเงินถึง 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หลังพบว่ามีการขายข้อมูลของผู้ใช้ ทำให้บริษัทจำเป็นต้องยอมรับกฎด้านความเป็นส่วนตัวฉบับใหม่
ด้าน นายดักลาส ฟาร์ราร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะของ FTC กล่าวว่า FTC กำลังติดตามสถานการณ์ล่าสุดของทวิตเตอร์ด้วยความเป็นห่วง พร้อมกล่าวว่า ไม่มีผู้บริหาร หรือบริษัทใดที่อยู่เหนือกฎหมาย และบริษัทต่างๆ ต้องปฏิบัติตามคำตัดสินตามความยินยอมของ FTC และ FTC มีเครื่องมือสำหรับการตรวจสอบว่าทวิตเตอร์ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดต่างๆ หรือไม่.
ที่มา รอยเตอร์