นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา เตรียมมอบนาฬิกาข้อมือหรูที่ผลิตอย่างประณีตในประเทศ เพื่อเป็นของที่ระลึกให้แก่บรรดาผู้นำชาติต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ที่กรุงพนมเปญในสัปดาห์นี้

รอยเตอร์รายงานว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชา จะมอบนาฬิกาข้อมือหรูเป็นของขวัญที่ระลึกให้กับผู้นำชาติต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียนในกรุงพนมเปญระหว่างวันที่ 10-13 พฤศจิกายน

เฟซบุ๊กทางการของฮุน เซน โพสต์ภาพนาฬิกาข้อมือรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น ที่ผลิตขึ้นมาเพียง 25 เรือนหลายภาพ โดยเข็มนาฬิกามีสีทอง ตัวเรือนโปร่งใส สายนาฬิกาสีน้ำตาล และสลักคำว่า "ASEAN Cambodia 2022" และ "Made in Cambodia"

ฮุน เซน เขียนบรรยายว่า นาฬิกาข้อมือเหล่านี้จัดเตรียมและประกอบโดยช่างนาฬิกาชาวกัมพูชาทั้งหมด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกัมพูชา

เฟซบุ๊กของนายกฯ ฮุน เซน โพสต์วิดีโอโชว์ให้เห็นว่านาฬิกาข้อมือเรือนนี้สลักคำว่า "ตูร์บิยง" ซึ่งเป็นกลไกนาฬิกาที่มีความละเอียดซับซ้อนและต้องทำด้วยมือ ใช้ทับทิม 25 เม็ด และระบุถึงผู้ผลิตคือ "ปรินซ์ โฮโรโลจี" ซึ่งเป็นชื่อโรงเรียนสอนทำนาฬิกาแห่งแรกของกัมพูชา ครูผู้สอนเป็นผู้เชี่ยวชาญชาวสวิสที่เปิดทำการเมื่อปี 2562 แต่ไม่มีการเปิดเผยราคาของนาฬิกาข้อมือเรือนนี้

เจเรเมียห์ ชาน บรรณาธิการนิตยสาร "เรฟโวลูชัน" ในสิงคโปร์ ที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับนาฬิกาหรู กล่าวว่า กลไกดังกล่าวของนาฬิกาไม่มีความเกี่ยวข้องต่อการบอกเวลาที่แม่นยำ แต่ถูกทำการตลาดในฐานะนาฬิกาที่มีคุณสมบัติที่ซับซ้อนและเป็นส่วนหนึ่งของนาฬิกาหรู

...

สำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชายังคงไม่เปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนาฬิการุ่นนี้ ขณะที่ "ปรินซ์ โฮโรโลจี" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบริษัท พรินซ์ กรุ๊ป ซึ่งมีนายเฉิน จี้ นักธุรกิจเชื้อสายจีน-กัมพูชาเป็นเจ้าของ ไม่ได้แสดงความเห็นใดๆ เช่นกัน

ในการประชุมสุดยอดสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน ที่กรุงพนมเปญที่เริ่มในวันพฤหัสบดีนี้ นอกจากผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียนที่เข้าร่วมประชุมแล้ว มีผู้นำโลกจากชาติอื่นเข้าร่วมประชุมด้วย รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ที่จะเข้าร่วมในวันเสาร์นี้

นายกรัฐมนตรีฮุน เซน ที่ปกครองกัมพูชามายาวนานถึง 37 ปี ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา หลังจากปรากฏภาพเขาสวมนาฬิกาข้อมือหรูหลายเรือน รวมถึงยี่ห้อปาเต็ก ฟิลิปป์ และริชาร์ด มิลล์ ซึ่งแต่ละเรือนราคามากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36.93 ล้านบาท ขณะที่ชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ยังคงมีฐานะยากจน.