• หลังจาก อีลอน มัสก์ ปิดดีลซื้อกิจการทวิตเตอร์มูลค่า 44,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ผู้ใช้หลายคนเริ่มกังวลเรื่องทิศทางของทวิตเตอร์ในอนาคต และมองหาทางเลือกใหม่ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ "Mastodon"
  • Mastodon ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2016 จากจุดบอดที่โซเชียลมีเดียต่างๆ มีเจ้าของเป็นองค์กร บุคคล หรือผู้ถือหุ้น ที่ปรับเปลี่ยนนโยบายได้ตามความต้องการของตนเอง
  • จุดแข็งของ Mastodon ก็ยังคงเป็นเรื่อง "การกระจายอำนาจ" ที่ต่างจากโซเชียลมีเดียอื่นๆ ขณะที่จุดอ่อนคือเจ้าของบัญชีจะต้องใช้งานตามนโยบายที่กำหนดโดยบุคคลหรือองค์กรที่เรียกใช้เซิร์ฟเวอร์ที่เราเลือกใช้ หากพวกเขาตัดสินใจที่จะละทิ้งเซิร์ฟเวอร์ ผู้ใช้ก็จะสูญเสียบัญชี

หลังจากการเข้าซื้อกิจการทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของอีลอน มัสก์ ผู้ใช้บางคนกำลังมองหาแพลตฟอร์มทางเลือก และหนึ่งในผู้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดคือ Mastodon แต่มันคืออะไร?

Mastodon โพสต์ในทวิตเตอร์ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการดาวน์โหลดแอปทางโทรศัพท์แล้วมากกว่า 230,000 ราย และขณะนี้มีผู้ใช้มากกว่า 655,000 ราย

Mastodon ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2016 จากจุดบอดที่โซเชียลมีเดียต่างๆ มีเจ้าของเป็นองค์กร บุคคล หรือผู้ถือหุ้น ที่สามารถปรับเปลี่ยนนโยบายได้ตามความต้องการของตนเอง

เมื่อมองดูเผินๆ Mastodon อาจดูเหมือนทวิตเตอร์ - โดยเจ้าของบัญชีสามารถเขียนโพสต์ ที่เรียกว่า "toots" ซึ่งสามารถตอบกลับ กดถูกใจ และโพสต์ซ้ำได้ ผู้ใช้ยังสามารถกดติดตามกันได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อมองในรายละเอียด แพลตฟอร์มดังกล่าวมีการทำงานในลักษณะที่ต่างไปจากเดิม

นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่มันสามารถดึงดูดผู้ใช้รายใหม่ แต่ได้สร้างความสับสนให้กับผู้ใช้ใหม่ที่สมัครใช้งาน

แม้แพลตฟอร์มนี้จะมีอายุ 6 ปีแล้ว แต่ความเคลื่อนไหวในปัจจุบันถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนและมันอาจกำลังประสบปัญหาในการรองรับผู้ใช้งานรายใหม่

...

มันทำงานอย่างไร?


สิ่งแรกที่คุณต้องทำเมื่อสมัครคือการเลือกเซิร์ฟเวอร์ ซึ่งมีมากมายตามธีม ส่วนใหญ่เป็นธีมตามประเทศ เมือง หรือความสนใจ เช่น สหราชอาณาจักร โซเชียล เทคโนโลยี เกม และอื่นๆ

ไม่สำคัญว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลก เพราะคุณจะสามารถติดตามผู้ใช้คนอื่นๆ ได้ทั้งหมด แต่มันจะแนะนำกลุ่มสำหรับการเริ่มต้นเล่น ที่มีแนวโน้มที่จะโพสต์ในสิ่งที่เราสนใจ

เซิร์ฟเวอร์ยอดนิยมบางรายการ เช่น โซเชียลและสหราชอาณาจักร เริ่มทำงานช้าลงมากเนื่องจากความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น

ไรอัน ไวด์ ซึ่งใช้งานเซิร์ฟเวอร์ MastodonApp.UK ผ่านบริษัท Superior Networks ของเขา กล่าวว่าเขามีผู้เข้าร่วมใหม่กว่า 6,000 ราย ภายใน 24 ชั่วโมง และต้องหยุดการลงทะเบียนชั่วคราว

เขากล่าวว่า "ผมเปิดเซิร์ฟเวอร์ตอน 22.00 น. คืนวันศุกร์ และตื่นเช้าในวันรุ่งขึ้น เพื่อพบว่ามีผู้ใช้เพิ่มขึ้นกว่า 1,000 คน"

เราจะหาผู้ใช้รายอื่นเจอได้อย่างไร?

เซิร์ฟเวอร์ที่เราเลือกจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของชื่อผู้ใช้ของเรา ตัวอย่างเช่น หากบัญชีทวิตเตอร์ปัจจุบันของเราใช้ชื่อว่า abc และเลือกเซิร์ฟเวอร์ในสหราชอาณาจักร ชื่อผู้ใช้ของเราก็คือ @abc@mastodonapp.uk และนั่นคือที่อยู่ของเรา ซึ่งเป็นชื่อสำหรับการค้นหา

หากเราอยู่บนเซิร์ฟเวอร์เดียวกัน เราสามารถค้นหาโดยใช้ชื่อของบุคคลนั้นได้ แต่ถ้าพวกเขาอยู่บนเซิร์ฟเวอร์อื่น เราจะต้องค้นหาโดยใช้ที่อยู่แบบเต็ม

ทั้งนี้ Mastodon จะไม่แนะนำผู้ติดตามที่เราอาจสนใจ ซึ่งแตกต่างจากทวิตเตอร์ นอกจากนั้น เรายังสามารถค้นหาประเด็นต่างๆ ผ่านการใช้แฮชแท็กได้เช่นกัน

ทำไมจึงต้องเป็นเซิร์ฟเวอร์?


Mastodon ไม่ใช่แพลตฟอร์มเดียว ไม่ใช่ "สิ่งเดียว" และไม่ใช่ของบุคคลหรือบริษัทเดียว เซิร์ฟเวอร์ต่างๆ เหล่านี้เชื่อมโยงกัน และสร้างเครือข่ายแบบรวม แต่เซิร์ฟเวอร์เหล่านั้นเป็นของผู้คนและองค์กรที่แตกต่างกัน

เราอาจเรียกสิ่งนี้ว่า "การกระจายอำนาจ" และบรรดาผู้ที่ชื่นชอบแพลตฟอร์มที่มีการทำงานในลักษณะการกระจายอำนาจ ก็ชื่นชอบแพลตฟอร์มดังกล่าวด้วยเหตุผลนี้ Mastodon ไม่สามารถดำเนินการตามนโยบายของหน่วยงานเพียงหน่วยงานเดียว และไม่สามารถทำการซื้อหรือขายได้

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียของแพลตฟอร์มนี้คือ เจ้าของบัญชีจะต้องใช้งานตามนโยบายที่กำหนดโดยบุคคลหรือองค์กรที่เรียกใช้เซิร์ฟเวอร์ที่เราเลือกใช้แทน หากพวกเขาตัดสินใจที่จะละทิ้งเซิร์ฟเวอร์ เราก็จะสูญเสียบัญชีของเรา โดย Mastodon ขอให้เจ้าของเซิร์ฟเวอร์แจ้งให้ผู้ใช้ทราบล่วงหน้า 3 เดือนหากพวกเขาตัดสินใจที่จะปิด

ด้าน แจ็ก ดอร์ซีย์ ผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์กำลังพัฒนาเครือข่ายสังคมออนไลน์ใหม่ที่มีชื่อว่า “บลูสกาย” (BlueSky) และเขาบอกว่าเขาต้องการให้มีการใช้รูปแบบการกระจายอำนาจเช่นกัน

Mastodon มีการดูแลอย่างไร?


นี่ถือเป็นปัญหาที่ยากจะจัดการ เพราะในขณะนี้ เซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดมีกฎการดูแลของตนเอง และบางเซิร์ฟเวอร์ไม่มี เซิร์ฟเวอร์บางแห่งเลือกที่จะไม่ลิงก์ไปยังเซิร์ฟเวอร์อื่นๆ ที่เต็มไปด้วยบอตหรือดูเหมือนว่าจะมีเนื้อหาแสดงความเกลียดชังจำนวนมาก ซึ่งหมายความว่าผู้คนบนเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกบล็อกจะไม่สามารถมองเห็นได้ โพสต์ยังสามารถรายงานไปยังเจ้าของเซิร์ฟเวอร์

...

หากเป็นคำพูดแสดงความเกลียดชังหรือเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย เจ้าของเหล่านั้นสามารถลบออกได้ แต่ไม่จำเป็นต้องลบออกทุกที่ และนี่อาจจะเป็นปัญหาใหญ่หากแพลตฟอร์มนี้ยังคงเติบโตต่อไป เนื่องจากมีรายงานเกี่ยวกับบุคคลที่ตกเป็นเป้าของเนื้อหาแสดงความเกลียดชัง รวมถึงการล่วงละเมิดทางเพศ

มีโฆษณาหรือไม่?


ไม่มีโฆษณา ดังนั้นไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเราในการเขียนโพสต์เพื่อโปรโมตบริษัทหรือผลิตภัณฑ์ของเรา

Mastodon ยังไม่ได้นำเสนอประสบการณ์ที่ได้รับการดูแลจัดการอย่างทวิตเตอร์ ในแง่ของการดูโพสต์ของเรา โดยทั่วไปแล้วเราจะเห็นว่าผู้ติดตามของเราโพสต์อะไรเท่านั้น

ใช้งานได้ฟรีหรือไม่


ฟรีหรือไม่ขึ้นอยู่กับเซิร์ฟเวอร์ที่เราใช้ แม้บางเซิร์ฟเวอร์มีการขอรับบริจาค เนื่องจากไม่มีรายได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วสามารถใช้งานได้ฟรี