พ่อชาวจีนโวยนโยบายคุมเข้มโควิดของภาครัฐ เป็นเหตุให้ลูกชายวัยเพียง 3 ขวบต้องตาย เพราะเข้ารับการรักษาไม่ทัน ขณะที่ทางการออกมาขอโทษต่อเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว
หน่วยงานสาธารณสุขท้องถิ่นของเมืองหลานโจว มณฑลกานซูของจีนออกมาขอโทษต่อความผิดพลาด และแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตในโลกโซเชียลมีเดีย จากกรณีที่เด็กชายวัยเพียง 3 ขวบ ต้องเสียชีวิตด้วยภาวะคาร์บอนมอนอกไซด์เป็นพิษ จากการสูดดมก๊าซดังกล่าวมากเกินไป และไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยหน่วยงานสาธารณสุขหลานโจวยอมรับว่าพวกเขาต้องใช้เวลานานกว่า 90 นาที กว่าจะจัดหารถพยาบาลเพื่อไปรับเด็กชาย หลังจากได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุทางสายด่วน โดยพ่อของเด็กที่โทรเข้ามาหลายครั้ง และยังเกิดความล่าช้าในการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ที่ดูแลความเรียบร้อยบริเวณประตูเข้าออก ซึ่งถือเป็นความล้มเหลวต่อการรับมือกับเหตุฉุกเฉิน
ด้านนายถัว ฉีเล่ย พ่อของเด็กชายเหวินซวนที่เสียชีวิตระบุว่า การใช้นโยบายควบคุมโควิดให้เป็นศูนย์ที่เข้มงวดเกินไปของรัฐบาลเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้ลูกชายของเขาต้องตาย หรือเรียกได้ว่าถูกภาครัฐฆ่าลูกชายทางอ้อม ซึ่งหลังจากที่เรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปก็สร้างกระแสความโกรธแค้นในโลกออนไลน์ และมีประชาชนบางส่วนที่ออกมาประท้วงต่อเหตุการณ์นี้
โดยเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นที่เมืองหลานโจว ในมณฑลกานซู ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เด็กชายเหวินซวนล้มป่วยลงจากการสูดดมก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ หลังจากที่แม่ของเขาก็ลื่นล้มจากการสูดก๊าซชนิดนี้ขณะทำครัว พ่อของเขาพยายามโทรเรียกรถพยาบาลและแจ้งตำรวจเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนผ่านไปราวครึ่งชั่วโมงอาการลูกชายของเขาแย่ลงเรื่อยๆ แม้ว่านายถัวจะพยายามปั๊มหัวใจ และรีบอุ้มลูกชายไปที่ประตูทางออกของชุมชนที่ถูกปิดตายเพราะการล็อกดาวน์มานานเกือบเดือน แต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่อนุญาตให้เขาพาลูกออกไป แต่ให้เขาโทรขอความช่วยเหลือจากพื้นที่ใกล้เคียง หรือเรียกรถพยาบาลแทน ทำให้เขาตัดสินใจพังแนวกั้น ก่อนที่ชาวบ้านแถวนั้นจะช่วยเรียกแท็กซี่เพื่อพาลูกชายไปโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันการ เพราะเด็กชายไปถึงมือแพทย์ช้าเกินไป ซึ่งที่ผ่านมามีรายงานผู้เสียชีวิตเนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงการรักษาได้ทันเวลาจากการล็อกดาวน์โควิด-19 อย่างเข้มงวดในประเทศจีนจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงที่นครเซี่ยงไฮ้ถูกล็อกดาวน์ยาวนานถึง 2 เดือน จนเกิดกระแสไม่พอใจและต่อต้านนโยบายคุมโควิดแบบสุดโต่งของรัฐบาลจีนออกมาอย่างหนัก.
...
ที่มา : แชนแนลนิวส์เอเชีย