ทางการเกาหลีใต้ส่งศพน้อง แบม-ณัฐธิชา มาแก้ว ครูสอนภาษาเกาหลีที่เสียชีวิตในโศกนาฏกรรม “อิแทวอน” ถึงไทยคืนวันที่ 4 พ.ย. พร้อมจัดเงินชดเชยรวม 35 ล้านวอน ประมาณ 930,000 บาท มอบให้ครอบครัว พ่อแม่ยังสุดเศร้านั่งกอดรูปลูก รอวันพบกันอีกครั้งแม้เป็นร่างไร้วิญญาณ กยศ.ระงับหนี้ของน้องแบมหลังพบมีชื่อเป็นผู้กู้เงิน ขณะที่ทางการเกาหลีใต้เริ่มสะสางหาสาเหตุการเกิดโศกนาฏกรรมครั้งร้ายแรงจนโลกช็อก บุกกรมตำรวจกรุงโซลและอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาหลักฐานว่าบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ หลังมีคนโทรศัพท์แจ้งก่อนเกิดเหตุสลดถึง 11 ครั้ง แต่ไม่มีคนรับสายและยังพบโรงแรมข้างซอยที่เกิดเหตุต่อเติมรุกล้ำถนนจนทำให้ซอยแคบ
ครอบครัวของครูแบม น.ส.ณัฐธิชา มาแก้ว อายุ 27 ปี ครูสาวสอนภาษาเกาหลี ที่ไปประสบเหตุ เสียชีวิตในโศกนาฏกรรม “อิแทวอน” ประเทศเกาหลีใต้ ยังคงเฝ้ารอร่างไร้วิญญาณของลูกสาวเดินทางกลับมา แผ่นดินเกิดอย่างใจจดใจจ่อด้วยความเศร้าอาลัยอย่างที่สุด
เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านเลขที่ 40 หมู่ 9 ต.หนองไขว่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ที่เป็นบ้านเกิดของครูแบม พบนายสาคร มาแก้ว อายุ 67 ปี และนางหนา มาแก้ว อายุ 64 ปี พ่อแม่ครูแบม นั่งกอดรูปลูกสาวด้วยความอาลัยรักและรอคอยการนำร่างของลูกกลับมาประกอบพิธีทางศาสนาอย่างใจจดใจจ่อ โดยมีญาติพี่น้อง 5-6 คน มาอยู่เป็นเพื่อน คอยดูแลให้กำลังใจ ญาติๆเผยว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ สถานทูตว่า เมื่อร่างของครูแบมถูกส่งกลับมาถึงไทยแล้ว จะรีบนำมาส่งให้บิดามารดาที่ จ.เพชรบูรณ์ ทันที แต่ยังไม่แน่ชัดว่าจะมาถึงไทยวันไหน ต้องรอฟังความชัดเจนจากทางเกาหลีใต้ก่อน
นางหนา มารดาของน้องแบม ที่ต้องสูญเสียแก้วตาดวงใจไปอย่างไม่มีวันกลับ เปิดเผยว่า น้องแบม เป็นเด็กดีและมีความน่ารักตั้งแต่เด็กๆตั้งใจเรียนหนังสือ มีผลการเรียนดีมาตลอด เป็นคนรักครอบครัว มีความสามารถพิเศษด้านการร้องเพลง เคยได้รับรางวัล จากการประกวดร้องเพลงและเคยเป็นเชียร์ลีดเดอร์ในงานกีฬาของโรงเรียน ลูกชอบร้องเพลงเกาหลีตั้งแต่ ยังเล็ก เวลาไปทำงานจะส่งเงินมาให้พ่อแม่ตลอด ทุกครั้ง ที่กลับมาเยี่ยมพ่อแม่จะไม่ไปเที่ยวไหน ชอบอยู่บ้าน ทำอาหารให้พ่อแม่กิน กระทั่งช่วงโควิดระบาดจึงกลับมา อยู่บ้าน ช่วยปลูกผักขนผักไปขายไม่เคยเกี่ยงงอนหรือรังเกียจอาชีพเกษตรกรเลย
...
นางหนาเผยอีกว่า น้องแบมมีความใฝ่ฝันและ ชื่นชอบประเทศเกาหลีมากตั้งแต่เล็กๆ จึงพยายามทำตามความฝันตัวเองและอยากไปเรียนภาษาเกาหลีเพื่อให้ได้ใบประกาศ เพราะจะสามารถทำงานได้เงินเดือนสูงๆเพื่อนำมาดูแลครอบครัว และยังตั้งใจว่า หากทำงานหาเงินใช้หนี้ช่วยเหลือครอบครัวแล้ว ถ้ามีเงินทุนเหลือจะกลับมาสอนหนังสืออยู่ที่บ้านเพื่ออยู่ดูแลพ่อแม่ยามแก่ชรา สำหรับงานศพต้องรอให้ร่างบุตรสาวมาถึงก่อน จึงจะกำหนดวันสวดอภิธรรมศพหรือกำหนดเผา ส่วนค่าใช้จ่ายในการนำร่างลูกสาว มาจากประเทศเกาหลี หากขอรับเป็นเถ้ากระดูกมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100,000 บาท แต่หากนำร่างกลับมามีค่าใช้จ่ายประมาณ 400,000 บาท จึงแจ้งความ ประสงค์ไปว่าต้องการนำร่างของลูกสาวกลับมาประกอบ พิธี เพื่อจะได้มั่นใจว่าเป็นร่างของบุตรสาวจริงๆ
มารดาน้องแบมกล่าวอีกว่า น้องแบมเดินทางไป เกาหลีกับเพื่อนชื่อน้องมีเร แต่คืนที่เกิดโศกนาฏกรรมน้องมีเรไม่ได้ไปเที่ยวด้วย น้องแบมจึงไปกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นสองคนและเพื่อนชาวญี่ปุ่นได้เสียชีวิตพร้อมน้องแบม โดยพ่อแม่ของเพื่อนชาวญี่ปุ่นได้เดินทาง ไปรับศพลูกแล้วเมื่อวันที่ 2 พ.ย. หลังการเสียชีวิต ของน้องแบมมีเพื่อนลูกที่เคยเรียนด้วยกันที่มหาวิทยาลัย มหาสารคามโทรศัพท์มาให้กำลังใจตลอด ไม่เคยคิดว่า จะเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับลูก ก่อนหน้าที่ลูกจะเสียชีวิต ประมาณ 3-4 วัน น้องแบมนอนหลับฝันว่าฟันหน้าหลุด น้องแบมมีความเป็นห่วงคนในครอบครัว ได้โทรศัพท์จากเกาหลีมาสอบถามว่า ปู่ย่าตายายพ่อแม่ ญาติพี่น้องสบายดีหรือเปล่า หรือมีใครเป็นอะไรไหม แต่สุดท้ายกลับมาเกิดเรื่องร้ายขึ้นกับตัวน้องแบมเสียเอง
นายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการกองทุนเงิน ให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา หรือ กยศ. เปิดเผยว่า ครอบครัวของผู้เสียชีวิตคือครูแบม มีความกังวลใจเรื่องเงินกู้ยืม กยศ.ที่ยังค้างอยู่ประมาณหนึ่งแสนกว่าบาท กองทุนได้ตรวจสอบข้อมูลพบว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้กู้ยืมเงินกยศ. จึงประสานติดต่อญาติผู้เสียชีวิตแจ้งการระงับหนี้ ทั้งนี้ กองทุนขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งต่อความ สูญเสียที่เกิดขึ้นและขอเป็นกำลังใจให้ครอบครัวของผู้เสียชีวิตด้วย
วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโซล เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊กของสถานเอกอัครราชทูตฯ ว่า มีกำหนดส่งศพ น.ส.ณัฐธิชา มาแก้ว กลับประเทศไทยด้วยเครื่องบินของสายการบิน Korean Air เที่ยวบินที่ KE651 ในวันที่ 4 พ.ย. โดยออกจากสาธารณรัฐเกาหลี เวลา 17.20 น. (เวลาท้องถิ่น) ถึงไทยวันเดียวกัน เวลา 21.30 น. (เวลาไทย) สถานเอกอัครราชทูตฯได้ประสานเรื่องการขอรับเงินเยียวยาจากทางการสาธารณรัฐเกาหลี เบื้องต้นได้รับแจ้งว่าจะจัดสรรเงินชดเชยจำนวน 20,000,000 วอน และค่าจัดงานศพ (รวมค่าขนส่งศพ) จำนวน 15,000,000 วอน ให้ครอบครัวผู้เสียชีวิต สถานเอกอัครราชทูตฯจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องและติดตามเรื่องดังกล่าวให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิตต่อไป และสถานเอกอัครราชทูตฯ ได้มีหนังสือไปยังกระทรวงการต่างประเทศเกาหลี นำส่งข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถึงนายยุน ซ็อก ยอล ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี และข้อความสารแสดงความเสียใจจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ถึงประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี และข้อความสารแสดงความเสียใจจากนายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ ถึง รมว.ต่างประเทศแห่งสาธารณรัฐเกาหลีด้วยแล้ว
ทางด้านสำนักข่าวยอนฮับ เกาหลีใต้รายงานความคืบหน้ากระบวนการเยียวยาเหยื่อเคราะห์ร้ายจากโศกนาฏกรรมเหยียบกันตายที่ย่าน “อิแทวอน” แหล่งสถานบันเทิงชื่อดังของเกาหลีใต้จนมีผู้เสียชีวิต 156 ศพ ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 26 คน รวมถึงชาวไทย 1 คนด้วย โดยเมื่อวันที่ 2 พ.ย. เทศบาลเขตยงซานที่ดูแลย่านอิแทวอนประกาศเตรียมจ่ายเงินช่วยเหลือเหยื่อชาวต่างชาติ ในอัตราเดียวกับเหยื่อชาวเกาหลีคือ เงินเยียวยา 20 ล้านวอน หรือประมาณ 530,000 บาท เงินช่วยเหลืองานศพสูงสุด 15 ล้านวอน หรือประมาณ 400,000 บาท เท่ากับผู้เสียชีวิตจะได้รับเงินชดเชยรวมแล้วสูงสุด 35 ล้านวอน หรือประมาณ 930,000 บาท พร้อมระบุว่า เทศบาลยงซานจะดำเนินการทุกอย่างเอง ญาติผู้เสียชีวิตไม่จำเป็นต้องยื่นเรื่องขอเงินเยียวยาตามกระบวนการปกติ
ขณะที่ทางการเกาหลีใต้ได้เริ่มกระบวนการสะสางหาสาเหตุที่เกิดด้วยเช่นกัน มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนพิเศษปฏิบัติการบุกค้นกรมตำรวจกรุงโซล สถานีตำรวจเขตยงซาน สถานีดับเพลิง เขตยงซาน เทศบาลเขตยงซาน ไปจนถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการรับมือเหตุโศกนาฏกรรมอิแทวอน รวม 8 แห่ง ค้นหา รวบรวมหลักฐานเพื่อตรวจสอบมีความบกพร่องต่อหน้าที่หรือไม่ หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติยอมรับว่า สายด่วนตำรวจได้รับแจ้งเหตุฝูงชน เบียดเสียดในย่านสถานบันเทิงอิแทวอนเป็นจำนวน 11 ครั้ง ตั้งแต่ 4 ชั่วโมงก่อนเกิดเหตุสลด แต่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตอบสนอง
...
ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวยอนฮับยังพบเอกสารว่า โรงแรมฮามิลตันข้างตรอกที่เกิดเหตุ ทำการต่อเติมระเบียงอย่างผิดกฎหมาย กินพื้นที่เข้ามาในตรอกประมาณ 17.2 ตารางเมตร ส่งผลให้ตรอกที่เกิดเหตุที่เดิมทีมีความกว้าง 5 เมตร มีขนาดลดลงเหลือ 3.2 เมตร ขณะที่การสอบถามไปยังเทศบาลเขตยงซาน ระบุว่า ทางการได้แจ้งไปยังโรงแรมฮามิลตันเรื่องการต่อเติมดังกล่าวและได้เก็บค่าปรับจากโรงแรมแล้วเมื่อปี 2564 แต่ปฏิเสธที่จะชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติม ขณะที่การสอบถามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายยุน ฮี กุน ผู้บัญชาการตำรวจ ชี้แจงว่า เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมว่าโรงแรมฮามิลตันละเมิดกฎหมายหรือไม่