ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ออกคำสั่งเร่งกระจายความช่วยเหลือไปยังจังหวัดในภาคใต้ของประเทศอย่างเร่งด่วน หลังพายุ นัลแก ทำให้เกิดดินถล่มจนมีผู้เสียชีวิตถึง 45 ราย
สำนักข่าว แชนแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า ประธานาธิบดี เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ แห่งประเทศฟิลิปปินส์ ออกคำสั่งในวันเสาร์ที่ 29 ต.ค. 2565 ให้กระจายความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในจังหวัดทางใต้ของประเทศ หลังพายุโซนร้อน ‘นัลแก’ (Nalgae) ทำให้ฝนตกหนักและดินถล่มหลายจุด เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 45 รายทั่วประเทศ
ข่าวระบุว่า พายุนัลแกยังคงรักษาความเร็วลมไว้ที่ 95 กม./ชม. ขณะเคลื่อนตัวผ่านเกาะลูซอน มุ่งหน้าไปยังทะเลจีนใต้ ทำให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรงที่กรุงมะนิลาและเขตโดยรอบเกือบตลอดทั้งวันเสาร์ และทำให้ประชาชนกว่า 1.7 แสนคนทั่วประเทศต้องอพยพออกจากบ้านไปยังที่ปลอดภัย
สำนักงานจัดการภัยพิบัติของฟิลิปปินส์ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของพายุ นัลแก แล้ว 45 ราย ทำให้มันกลายเป็นพายุไซโคลนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตในแดนตากาล็อกมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของปีนี้ โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่อยู่ในจังหวัด มากวินดาเนา ทางตอนใต้ ขณะที่มีผู้บาดเจ็บ 33 ราย สูญหายอีก 17 คน
...
“เราควรทำได้ดีกว่านี้ในมากวินดาเนา ในแง่ของการเตรียมความพร้อม มีผู้เสียชีวิตถึง 40 ราย สูญหายอีก 10 คน มันมากเกินไปหน่อย” นายมาร์กอส จูเนียร์กล่าว พร้อมออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เร่งกระจายน้ำดื่มและระบบกรองน้ำไปยังจังหวัดมากวินดาเนา และพื้นที่อื่นๆ ในภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากพายุในทันที
ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ยังส่งยกระดับความช่วยเหลือขึ้นอีก หลังพายุนัลแกเคลื่อนตัวออกจากแผ่นดินของประเทศในช่วงเช้าวันอาทิตย์ “อย่ารอช้าในการนำเฮลิคอปเตอร์และอากาศยานขึ้นบิน หากสภาพอากาศไม่ดี ให้หาทางอื่นเพื่อส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์, น้ำ และยา”
ทั้งนี้ ผลกระทบจากพายุนัลแก ทำให้ในวันเสาร์สายการบินต่างๆ ต้องยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศทั้งขาเข้าและขาออกจากท่าอากาศยานในกรุงมะนิลาจำนวน 116 เที่ยวบิน หลังลมกระโชกแรงทำให้สนามบินต้องหยุดทำการตั้งแต่เวลา 08.00-14.00 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (GMT)
ขณะที่นาง ฮันนีย์ ลาคุนา-พานกาน นายกเทศมนตรีกรุงมะนิลา ออกคำสั่งปิดสุสานหลายแห่งในเมืองหลวงแห่งนี้ เพื่อป้องกันอันตรายเนื่องจากช่วงนี้เป็นสุดสัปดาห์วันหยุดวัน All Saints' Day ที่ชาวฟิลิปปินส์นับล้านคนจะเดินทางมาเยี่ยมเยือนสุสานของญาติมิตร.