ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน เปิดการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 20 ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนในวันนี้ ซึ่งเป็นการปะชุมยาวนาน 1 สัปดาห์ และคาดว่า ที่ประชุมจะให้ความเห็นชอบให้นายสี ดำรงตำแหน่งผู้นำประเทศเป็นสมัยที่ 3
ตัวแทนพรรคคอมมิวนิสต์จีนประมาณ 2,300 คน จากทั่วประเทศเข้าร่วมประชุมที่มหาศาลาประชาชนในกรุงปักกิ่ง ทางฝั่งตะวันตกของจัตุรัสเทียนอันเหมิน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
นายสี วัย 69 ปี เดินทางมาถึงที่ประชุมก่อนเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เพียงเล็กน้อย และเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ที่คาดว่าจะทบทวนความสำเร็จของพรรคคอมมิวนิวต์จีนและวางแนวทางของนโยบายต่างๆ สำหรับปีต่อๆ ไป ในช่วง 10 ปีที่ดำรงตำแหน่ง นายสี ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ กับเรื่องความมั่นคง การควบคุมเศรษฐกิจของรัฐบาล นโยบายทางการทูตในเชิงรุก การเสริมสร้างกองทัพให้แข็งแกร่งและการเพิ่มการกดดันเรื่องการยึดไต้หวัน ในขณะที่นักวิเคราะห์ไม่ได้คาดหมายว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ
ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ยังกล่าวปกป้องนโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" โดยกล่าวว่า นโยบายโควิดเป็นศูนย์ คือการทำสงครามของประชาชนเพื่อหยุดยั้งการแพร่กระจายของไวรัส นอกจากนโยบายดังกล่าวจะช่วยชีวิตผู้คน มันยังช่วยลดการสูญเสียชีวิตประชาชนและผลเสียหายทางเศรษฐกิจของจีนด้วย นายสีกล่าวเสริมว่า นโยบายนี้ยังปกป้องสุขภาพและความปลอดภัยของผู้คนในระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พร้อมทั้งกล่าวว่า จีนได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติในการยับยั้งการระบาดของโควิด
ผู้นำจีนยังได้กล่าวถึงปัญหาไต้หวัน ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของอาณาเขตของตน โดยระบุว่าจีนได้ต่อสู้กับการแบ่งแยกดินแดนและการแทรกแซงอย่างเฉียบขาด ที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถของจีนที่จะปกป้องอธิปไตยของรัฐและบูรณภาพแห่งดินแดน และต่อต้านการแยกตัวของไต้หวัน ซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากบรรดาผู้ร่วมประชุม
...
เขากล่าวว่า สมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์กว่า 96 ล้านคนได้รับชัยชนะในการต่อสู้กับความยากไร้ครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
"เราต้องสร้างระบบเศรษฐกิจตลาดสังคมนิยมระดับสูง รวบรวมและพัฒนาระบบกรรมสิทธิ์สาธารณะ รวมถึงส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจภาคเอกชนอย่างแน่วแน่ ให้บทบาทต่อการชี้ขาดของตลาดในการจัดสรรทรัพยากรอย่างเต็มที่ และให้ภาครัฐสามารถแสดงบทบาทได้ดียิ่งขึ้น"
เมื่อปี 2018 นายสี ผลักดันให้ยกเลิกเพดานการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีที่กำหนดไว้ไม่เกิน 2 สมัย เป็นระยะเวลา 10 ปี เปิดทางให้เขาสามารถดำรงตำแหน่งเป็นสมัยที่ 3 อีก 5 ปี หรือนานกว่านั้น อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์ ที่ประชุมกัน 5 ปีครั้ง คาดว่าจะลงมติยืนยันให้นายสีดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีอำนาจสูงสุด รวมถึงประธานคณะกรรมาธิการทหารส่วนกลาง โดยตำแหน่งประธานาธิบดีจะต่ออายุในเดือนมีนาคม ในการประชุมประจำปีของรัฐสภาจีน
การรับตำแหน่งผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์สมัยที่ 3 ของนายสี จะถือเป็นการเปิดทางให้เขาก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่ทรงอำนาจที่สุดของจีน นับตั้งแต่นายเหมา เจ๋อตุง
การประชุมสมัชชาใหญ่ที่จะสิ้นสุดในวันเสาร์หน้า คาดหมายว่านายสีจะเปิดตัวสมาชิกใหม่ของคณะกรรมการกลางถาวรประจำกรมการเมือง ซึ่งเป็นทีมผู้บริหาร 7 คน ซึ่งจะรวมถึงผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนนายหลี่ เค่อเฉียง ที่จะลาออกจากตำแหน่งในเดือนมีนาคมหลังจากดำรงตำแหน่งมาครบ 2 วาระแล้ว
ปัจจุบันนายสีดำรงตำแหน่งที่ทรงอำนาจที่สุดในจีนถึง 3 ตำแหน่ง ได้แก่ เลขาธิการทั่วไปพรรคคอมมิวนิสต์, ประธานาธิบดีจีน และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง ซึ่งเขาบัญชาการกองกำลังติดอาวุธของประเทศ