รัสเซียโจมตีทางอากาศในยูเครนครั้งใหญ่ที่สุด มุ่งเป้าหลายเมืองรวมถึงกรุงเคียฟ ปูตินลั่น ทำเพื่อล้างแค้นเหตุระเบิดสะพานไครเมีย พร้อมขู่โจมตีเพิ่มอีก
สำนักข่าว CNA รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 10 ต.ค. 2565 รัสเซียดำเนินการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามในยูเครนเริ่มขึ้น โดยยิงขีปนาวุธร่อนหลายลูกเข้าถล่มกรุงเคียฟและอีกหลายเมืองในชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน อ้างว่า ทำเพื่อล้างแค้นเหตุระเบิดสะพาน ‘เคิร์ช’ ที่เชื่อมต่อระหว่างแคว้นไครเมียกับรัสเซีย
...
ข่าวระบุว่า จรวดมิสไซล์หลายลูกถูกยิงเข้าใส่ถนนที่มีรถสัญจรพลุกพล่าน รวมถึงสวนสาธารณะ และสถานที่ท่องเที่ยวใจกลางกรุงเคียฟ นอกจากนั้นยังมีรายงานการโจมตีที่เมืองลวิฟ, เทอร์โนพิ และซีโตมีร์ ทางตะวันตก, เมืองดีนิโปร กับเมืองเครเมนชุค ในภาคกลาง เมืองซาปอริชเชีย ทางใต้ และเมืองคาร์คิฟ ทางตะวันออก เบื้องต้นพบผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ศพ บาดเจ็บอีกจำนวนมาก หลายพื้นที่ประสบปัญหาไฟดับ
ปูตินออกแถลงการณ์ถ่ายทอดทางโทรทัศน์ในวันเดียวกันว่า “รัฐบาลเคียฟ กับพฤติกรรมของพวกเขา ทำให้พวกเขาไปอยู่ในระดับเดียวกับองค์กรก่อการร้ายระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นกลุ่มที่ชั่วร้ายที่สุด การปล่อยพฤติกรรมเช่นนั้นไปโดยไม่มีการตอบโต้นั้น เป็นไปไม่ได้” ผู้นำรัสเซีย เผยอีกว่า เขาได้ออกคำสั่งโจมตีจากระยะไกลครั้งใหญ่ และขู่ว่าจะมีการโจมตีอีกในอนาคต หากยูเครนยังโจมตีดินแดนของรัสเซีย
ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่า การโจมตีของรัสเซียเจาะจงช่วงเวลาเพื่อสังหารผู้คน รวมถึงทำลายระบบไฟฟ้าของยูเครน ขณะที่นายกรัฐมนตรียูเครนระบุว่า มีโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ 11 แห่ง ถูกโจมตีใน 8 แคว้น ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไม่มีไฟฟ้า, น้ำประปา หรือแก๊สให้ความร้อน “พวกเขาพยายามทำลายเรา และลบพวกเราออกจากพื้นโลก” เซเลนสกีกล่าว
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวล่าสุดของรัสเซียเกิดขึ้นหลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาเกิดเหตุระเบิดรุนแรงสร้างความเสียหายแก่สะพาน ‘เคิร์ช’ ซึ่งเชื่อมต่อระหว่างแคว้นไครเมียที่ถูกมอสโกผนวกรวมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศ เมื่อปี 2557 กับดินแดนรัสเซีย และเป็นเส้นทางลำเลียงเสบียงสำคัญสำหรับปฏิบัติการทางทหารของรัสเซียในภาคใต้ของยูเครน
ฝ่ายยูเครนไม่ได้ออกมายอมรับว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ แต่แสดงความยินดีที่สะพานถูกระเบิด ขณะที่ปูตินกล่าวหายูเครนว่าเป็นผู้ก่อเหตุ และประณามว่าเป็นพฤติกรรมก่อการร้าย.