- เหตุระเบิดสะพานไครเมียสร้างความตื่นตะลึงให้แก่ทั้งชาวยูเครนและรัสเซีย โดยยังคงคลุมเครือที่จะชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของฝ่ายใด และทำไปเพื่ออะไร
- ผู้เชี่ยวชาญจากหลายแขนงต่างมีทฤษฎีมากมายเกี่ยวกับสาเหตุการระเบิดในครั้งนี้ บ้างก็ว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย บ้างก็ว่านี่เป็นการโจมตีเชิงสัญลักษณ์ โดยแทนสะพานแห่งนี้คือตัวประธานาธิบดีปูติน
- แม้จะเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าอะไรคือสาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้ แต่หากเป็นการโจมตีจากยูเครนจริง จะถือเป็นการส่งสัญญาณที่รุนแรงต่อรัสเซียมากกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกับตัวสะพาน เพราะเท่ากับว่านี่คือการป่าวประกาศว่ายูเครนมีชัยชนะเหนือรัสเซีย
หลังจากเกิดเหตุระเบิดบนสะพานเคิร์ช สะพานยาวที่สุดในยุโรป ที่เชื่อมต่อรัสเซียกับไครเมีย จนพังเสียหายบางส่วน เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ทำให้ทั้งชาวรัสเซียและชาวยูเครนต่างตื่นตระหนก และตั้งข้อสงสัยว่าใครอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้ และใช้วิธีการใดในการจุดระเบิด
โดยสะพานแห่งนี้เป็นสะพานสำหรับรถวิ่งและสำหรับรถไฟ มีความยาว 19 กม. ทอดยาวระหว่างทะเลดำและทะเลอะซอฟ ใช้งบประมาณถึง 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในการก่อสร้าง และเริ่มเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคม 2561 โดยมีนายปูตินมาร่วมพิธีเปิดด้วยตนเอง ทำให้สะพานแห่งนี้ถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์การผนวกรวมไครเมียของรัสเซีย
...
ล่าสุด ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ได้ออกมาเคลื่อนไหวเป็นคนแรก โดยกล่าวหายูเครนว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดบนสะพานเคิร์ชแห่งนี้ พร้อมทั้งประณามว่านี่เป็นพฤติกรรมก่อการร้าย ขณะที่ทางการรัสเซียเองแถลงเพียงว่าเป็นการก่อเหตุโดยใช้รถบรรทุกระเบิดก่อเหตุบนสะพาน แต่ไม่ได้ระบุชัดว่าใครอยู่เบื้องหลัง
โดยภาพจากกล้องวงจรปิดที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์จะเห็นรถบรรทุกที่ถูกระบุว่าแล่นมาจากเมืองคราสโนดาร์ของรัสเซียข้ามสะพานมาในช่วงที่เกิดระเบิด ซึ่งทางการรัสเซียเปิดเผยว่า ซาเมียร์ ยูซูบอฟ ชายชาวคราสโนดาร์วัย 25 ปีเป็นเจ้าของรถ ส่วนคนขับคือ นายมาเคียร์ ยูซูบอฟ เป็นญาติที่มีอายุมากกว่า แต่จากการตรวจสอบคลิปอย่างละเอียด จะเห็นลูกไฟขนาดใหญ่ระเบิดขึ้นด้านหลังรถบรรทุก และเกิดขึ้นคนละฝั่งสะพานในช่วงที่รถบรรทุกกำลังไต่ขึ้นสะพาน เท่ากับว่ารถบรรทุกคันดังกล่าวไม่น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด อย่างไรก็ตามการที่มีการแพร่กระจายของทฤษฎีนี้ไปทั่วรัสเซีย ทำให้เกิดการตั้งข้อสังเกตว่าทางการรัสเซียอาจจะต้องการให้ประชาชนเข้าใจว่านี่เป็นเหตุก่อการร้ายมากกว่าที่จะเป็นการก่อเหตุโจมตีโดยยูเครน
แน่นอนว่าชาวยูเครนต่างเล็งสะพานแห่งนี้เป็นเป้าหมายสำคัญในการตอบโต้รัสเซีย เพราะสะพานแห่งนี้เปรียบเหมือนตัวแทนของปูตินอย่างชัดเจน และเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของปูตินในการวางระบบสาธารณูปโภคในไครเมียที่ถูกรัสเซียผนวกเข้ามาเป็นดินแดนของตัวเอง แต่การโจมตีสะพานไม่ใช่เรื่องง่าย วิคเตอร์ แอนดรูเซียฟ อดีตที่ปรึกษากระทรวงมหาดไทยของยูเครน ระบุว่า เขาได้มีส่วนร่วมในการวางแผนร่วมกับกองทัพยูเครนในการวิจัยค้นคว้าข้อมูลความเป็นไปได้ที่จะโจมตีสะพานแห่งนี้มานานหลายเดือน แต่เขาพบว่ามันไม่ใช่งานง่ายเลย เพราะสะพานถูกปกป้องอย่างดีจากทั้งการโจมตีทางอากาศ จากทะเล หรือจากภาคพื้นดิน ขณะที่ นายมิไคโล โพลโดลยาก หัวหน้าเจ้าหน้าที่ทำเนียบประธานาธิบดียูเครนออกแถลงการณ์ในวันจันทร์ที่ผ่านมา สนับสนุนทฤษฎีรถบรรทุกระเบิดของมอสโกว่ามีความเป็นไปได้ และคำตอบของเรื่องนี้จะต้องไปถามจากรัสเซียเอง โดยเหตุระเบิดน่าจะเป็นผลมาจากการต่อสู้และขัดแย้งกันภายในของรัสเซีย
...
ด้าน สำนักข่าวบีบีซี ได้สอบถามความเห็นของอดีตผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดของกองทัพอังกฤษเกี่ยวกับรถบรรทุกคันดังกล่าว ซึ่งได้แสดงความเห็นว่าจากประสบการณ์ตลอดการทำงานที่ผ่านมา รถคันดังกล่าวไม่เหมือนรถบรรทุกที่จะบรรทุกระเบิดมาเต็มคันรถแต่อย่างใด โดยคำอธิบายที่มีความเป็นไปได้มากกว่าคือ อาจจะเป็นการระเบิดโจมตีจากใต้สะพาน โดยใช้เรือไร้คนขับลอบเข้าไปวางระเบิด เพราะตามปกติแล้วสะพานจะถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อแรงกระแทกลงจากด้านบน และแรงกระแทกด้านข้างจากกระแสลม แต่จะไม่สามารถรับแรงกระแทกจากด้านล่างขึ้นมาได้ นอกจากนี้ยังมีคนตาดีสังเกตเห็นจากภาพในกล้องวงจรปิดตัวอื่นว่า มีบางอย่างที่ดูเหมือนคลื่นจากเรือขนาดเล็กแล่นอยู่บริเวณตอม่อสะพาน ก่อนเกิดการระเบิดเพียงเสี้ยววินาที แต่ทฤษฎีนี้ก็ถูกหักล้างโดยร่องรอยจากด้านล่างสะพานที่ไม่ปรากฏรอยไหม้ หรือความเสียหายที่เกิดจากแรงระเบิดแต่อย่างใด
เช่นเดียวกับผู้เชี่ยวชาญด้านกองทัพต่างวิเคราะห์ถึงความเป็นไปได้ในการก่อเหตุไว้หลายทฤษฎี ทั้งการโจมตีจากใต้น้ำ หรือเป็นการระเบิดจากบนสะพานโดยใช้รถบรรทุกขนระเบิดมา แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถฟันธงได้อย่างชัดเจน ส่วนการโจมตีโดยใช้ขีปนาวุธ น่าจะเป็นไปได้น้อยที่สุดจากความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมส่วนใหญ่ เนื่องจากสะพานแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างเกินระยะที่จรวดพิสัยกลางไฮมาร์สที่สหรัฐฯ มอบให้ยูเครนจะยิงมาถึงได้ สอดคล้องกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลาโหมของสหรัฐอเมริกาที่เตือนว่าจะไม่มีการใช้งานขีปนาวุธกับสะพานโดยเด็ดขาด และได้ปฏิเสธการส่งจรวดพิสัยไกลให้แก่ยูเครนมาตลอด
...
ด้าน นายเจนเซ่น โจนส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธและยุทโธปกรณ์จากศูนย์วิจัยอาวุธยุทโธปกรณ์ระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะชี้ชัดว่าอะไรคือสาเหตุของการระเบิดในครั้งนี้ เนื่องจากข้อมูลที่มีอยู่ในเวลานี้ยังไม่เพียงพอ แต่หากเป็นการโจมตีจากยูเครนจริง จะถือเป็นการส่งสัญญาณที่รุนแรงต่อรัสเซียมากกว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจริงกับตัวสะพาน เพราะเท่ากับว่านี่คือการป่าวประกาศว่ายูเครนมีชัยชนะเหนือรัสเซีย.
ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล
ที่มา : บีบีซี, ไฟแนนเชียลไทมส์