ผู้นำสูงสุดของอิหร่านออกมาพูดถึงเหตุประท้วงใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศเป็นครั้งแรก โดยกล่าวโทษสหรัฐฯ และอิสราเอล ว่าเป็นผู้วางแผนอยู่เบื้องหลัง

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า นายอายาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับเหตุประท้วงต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในประเทศเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์ที่ 3 ต.ค. 2565 โดยเขากล่าวโทษสหรัฐฯ และอิสราเอล ว่าเป็นผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

เหตุประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบทศวรรษของอิหร่าน เกิดขึ้นหลังจากการเสียชีวิตของ น.ส.มาห์ซา อามินี วัย 22 ปี ผู้ถูกตำรวจศีลธรรมจับกุมเมื่อ 13 ก.ย. ฐานไม่ปิดบังผมด้วยผ้าฮิญาบ ก่อนที่เธอจะถูกส่งโรงพยาบาลในอาการโคม่า และเสียชีวิตในอีก 3 วันต่อมา ครอบครัวของเธออ้างว่า อามินีถูกตำรวจทำร้าย แต่ฝ่ายตำรวจโต้ว่า อามินีหัวใจล้มเหลว

กลุ่มผู้หญิงจำนวนมากในอิหร่านเริ่มการประท้วงหลังจากพิธีศพของ น.ส.อามินี โดยมีการถอดผ้าคลุมศีรษะออกมาโบกสะบัด หรือจุดไฟเผา พร้อมตะโกนเรียกร้องเสรีภาพสตรี และต่อต้านผู้นำเผด็จการ ซึ่งสื่อถึงนายคาเมเนอี

ในพิธีจบการศึกษาของนักเรียนทหารและตำรวจเมื่อวันจันทร์ที่ 3 ต.ค. ผู้นำสูงสุดของอิหร่านกล่าวว่า การเสียชีวิตของ น.ส.อามินี ทำให้ใจของพวกเขาแตกสลาย แต่ไม่ใช่เรื่องปกติที่บางคน ออกมาสร้างความอันตรายบนท้องถนน, เผาคัมภีร์อัลกุรอาน, ถอดผ้าฮิญาบจากศีรษะสตรี และจุดไฟเผามัสยิดหรือรถยนต์ โดยไม่มีหลักฐานหรือการสืบสวนใดๆ

นายอายาตอลเลาะห์ อ้างอีกว่า กลุ่มอำนาจต่างชาติเป็นผู้วางแผนก่อจลาจล เพราะทนไม่ได้ที่อิหร่านแข็งแกร่งมากขึ้นในทุกด้าน “ผมขอพูดอย่างชัดเจนว่า การจลาจลเหล่านี้และความไม่สงบที่เกิดขึ้น ถูกวางแผนโดยอเมริกาและรัฐบาลไซออนิสต์จอมปลอม (อิสราเอล) ผู้ยึดครอง รวมถึงสายลับที่พวกเขาจ้างมา ด้วยความช่วยเหลือของชาวอิหร่านผู้ทรยศบางคนในต่างประเทศ”

...

ทั้งนี้ องค์กรสิทธิมนุษยชนอิหร่าน ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในนอร์เวย์ เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า มีประชาชนถูกเจ้าหน้าที่ความมั่นคงสังหารระหว่างการประท้วงอย่างน้อย 133 ศพแล้วจนถึงตอนนี้ รวมถึงผู้ชุมนุม 41 คนซึ่งเสียชีวิตในการปะทะที่เมืองซาฮีดาน เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ขณะที่สื่อของรัฐบาลอิหร่าน ระบุจำนวนผู้เสียชีวิตเอาไว้ที่ราว 40 ราย รวมถึงเจ้าหน้าที่ความมั่นคงด้วย

คำพูดของนายคาเมเนอีเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง หลังเจ้าหน้าที่ความมั่นคงปราบปรามการประท้วงของกลุ่มนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีชาริฟ ในกรุงเตหะราน เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่พยายามจะเข้าไปภายในมหาวิทยาลัย แต่กลุ่มนักศึกษาปิดประตูทำให้เกิดการปิดล้อม นักศึกษาที่พยายามออกไปผ่านลานจอดรถใกล้เคียง ถูกเจ้าหน้าที่ไล่จับ ทุบตี ปิดตา แล้วนำตัวไป

การปิดล้อมถูกยกเลิกในเวลาต่อมา หลังจากศาสตราจารย์หลายคนกับรัฐมนตรีของรัฐบาลอิหร่านเข้ามาไกล่เกลี่ย อย่างไรก็ตาม ในวันจันทร์ กลุ่มนักศึกษาประกาศว่าพวกเขาจะไม่กลับไปเรียนจนกว่าเพื่อนนักศึกษาที่ถูกจับกุมจะได้รับการปล่อยตัว

การประท้วงยังเกิดขึ้นที่มหาวิทยาลัยอื่นๆ ในกรุงเตหะราน และเมืองอื่นๆ ในประเทศ รวมถึงเมือง มัชฮัด, อิสฟาฮาน, ชีราซ, ตาบริซ และ เคอร์มันชาห์ ด้วย.