- ยูเครนเริ่มปฏิบัติการโต้กลับกองทัพรัสเซีย ยึดคืนพื้นที่มาได้หลายพันตารางกิโลเมตร โดยเฉพาะ 2 เมืองสำคัญในแคว้นคาร์คิฟ ทำให้รัสเซียต้องสั่งถอนกำลังกลับดอนบาส
- วลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยืนยันจะไม่เปลี่ยนแผนปฏิบัติการทางทหารในยูเครน แม้จะเพลี่ยงพล้ำ พร้อมขู่จะยกระดับการตอบสนองทางทหารให้รุนแรงยิ่งขึ้น
- ความสูญเสียต่อกองทัพรัสเซียที่เกิดขึ้นในคาร์คิฟ ทำให้เกิดความกังวลว่า ปูตินอาจใช้มาตรการแข็งกร้าวยิ่งขึ้น ถึงขั้นใช้อาวุธนิวเคลียร์โจมตีอย่างจำกัด เพื่อสร้างความหวาดกลัวแก่ยูเครน
ก่อนที่สงครามจะเริ่มต้นขึ้น นักวิเคราะห์มากมายรวมถึงเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คาดว่า หากรัสเซียยกทัพบุกยูเครนจริง พวกเขาอาจใช้เวลาเพียง 3 วันในการบุกยึดกรุงเคียฟ แต่การต่อสู้ตลอดเวลา 6 เดือนที่ผ่านมา กองทัพยูเครนสร้างเซอร์ไพรส์ให้เห็นหลายครั้ง ตั้งแต่การปกป้องกรุงเคียฟจนรัสเซียต้องล่าถอย ไปจนถึงการโจมตีในไครเมีย และล่าสุดที่คาร์คิฟ
ที่ผ่านมาเป็นฝ่ายรัสเซียที่คืบหน้ายืดครองพื้นที่ได้มากกว่า แม้จะช้าและสิ้นเปลืองทรัพยากรกองทัพ ทว่าตอนนี้ ยูเครนมีปฏิบัติการโต้กลับและชิงพื้นที่คืนได้มากกว่าการบุกของมอสโก โดยประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ระบุว่า พวกเขายึดคืนพื้นที่กลับมาได้แล้วกว่า 8,000 ตร.กม. นับตั้งแต่เข้าสู่เดือนกันยายน โดยเฉพาะในแคว้นคาร์คิฟ ทางตะวันออก
ความพ่ายแพ้ของรัสเซียเป็นสิ่งที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ไม่อาจยอมรับได้ ทำให้เกิดความกังวลว่า เขาอาจใช้มาตรการแข็งกร้าวยิ่งขึ้นในการตอบโต้ อดีตรองเลขาธิการนาโตถึงขั้นออกมาเตือนว่า เรื่องนี้อาจบีบให้ปูตินตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์ ท่ามกลางปัญหาอีกหลายอย่างที่กองทัพยูเครนจะต้องรับมือหลังจากชิงดินแดนกลับมาได้
...
ยูเครนโต้กลับไล่ยึดคืนพื้นที่
รัสเซียเริ่มยกทัพรุกรานยูเครนในวันที่ 24 ก.พ. เข้าปิดล้อมกรุงเคียฟจากทุกด้าน และโจมตีในภาคใต้, ตะวันออก และภาคเหนือของประเทศ แต่ต่อมาในเดือนเมษายน กองทัพยูเครนยึดคืนพื้นที่จำนวนมากรอบเมืองหลวงกลับมาได้ หลังจากรัสเซียยกเลิกความพยายามยึดกรุงเคียฟ หลังจากเผชิญการต่อสู้อย่างหนักของทหารที่คอยคุ้มครองเมือง
หลังจากนั้น รัสเซียก็มุ่งเน้นปฏิบัติการทางทหารในภาคใต้, ตะวันออก และตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครนมาตลอด ค่อยๆ ยึดพื้นที่ได้จำนวนมาก ทว่าสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงหลังเข้าสู่เดือนกันยายน เมื่อกองทัพยูเครนเปิดฉากโจมตีโต้กลับ ยึดคืนพื้นที่จากรัสเซียได้ถึง 8,000 ตร.กม. ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ โดย 3,000 ตร.กม. อยู่ในแคว้นคาร์คิฟเพียงแห่งเดียว
นี่นับเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ที่สุดของฝ่ายยูเครนนับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น พวกเขายึดเมืองอิซยูม (Izyum) และเมืองคูปียานสก์ (Kupiansk) ที่รัสเซียใช้เป็นศูนย์กลางการขนส่งเสบียงกองทัพในแคว้นคาร์คิฟได้สำเร็จ และโจมตีโต้กลับในพื้นที่รอบแคว้นเคอร์ซอนทางตอนใต้ของประเทศด้วย
ปฏิบัติการของยูเครนทำให้รัสเซียประกาศถอนทหารออกจากทั้งเมืองอิซยูมและคูปียานสก์ โดยอ้างว่าเพื่อไปรวมตัวกันใหม่ในภูมิภาคดอนบาส อย่างไรก็ตาม สถาบันศึกษาสงคราม (ISW) ระบุว่า กองทัพยูเครนสร้างความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งให้แก่กองทัพรัสเซียแล้ว
รัสเซียยกระดับตอบโต้
ด้านรัสเซียหลังจากถูกตอบโต้อย่างหนัก พวกเขาไปตั้งแนวป้องกันใหม่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยกระทรวงกลาโหมสหราชอาณาจักร ระบุว่า แนวป้องกันใหม่นี้อยู่ระหว่างแม่น้ำออสคิล (Oskil River) และเมืองสวาตอฟ (Svatove) ห่างจากคาร์คิฟๆ ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 150 กม.
ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ยืนยันว่า เขาจะไม่ปรับเปรียนแผนการของปฏิบัติการทางทหารในยูเครน ซึ่งมุ่งเน้นการยึดครองภูมิภาคดอนบาสเป็นหลัก ผู้นำรัสเซียยังกล่าวหาปฏิบัติการโต้กลับของยูเครนว่าเป็น ‘พฤติการณ์ก่อการร้าย’ หากสถานการณ์นี้ยังดำเนินต่อไปในทิศทางนี้ การตอบสนองจะรุนแรงยิ่งขึ้นด้วย
ขณะเดียวกัน ทำเนียบขาวสหรัฐฯ อ้างว่า ความเพลี่ยงพล้ำของกองทัพมอสโก ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่อาจมีนัยสำคัญขึ้นในรัสเซีย แม้ว่าสื่ออิสระจะถูกทำลายหมดสิ้นแล้วก็ตาม โดยผู้ประกาศข่าวโทรทัศน์กับบล็อกเกอร์บางคนเริ่มออกมาโจมตีปูตินที่ก่อสงคราม ส่วนผู้แทนจาก 18 เขตทั่วรัสเซีย ออกมาเรียกร้องให้เขาลาออก ซึ่งรัฐบาลเครมลินก็ยอมรับว่าปูตินรู้ถึงความเคลื่อนไหวนี้ แต่ปฏิบัติการพิเศษในยูเครนจะประสบความสำเร็จ
นายจอห์น เคอร์บี ผู้ประสานงานฝ่ายยุทธศาสตร์การคมนาคมของสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ กล่าวว่า เป็นเรื่องน่าสนใจที่ได้เห็นว่าตอนนี้ ปูตินเผชิญเสียงต่อว่าอย่างเปิดเผยบ้าง ไม่ใช่แค่จากฝ่ายค้าน แต่ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการเลือกตั้งมา ซึ่งไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย และพวกเขาจะจับตาดูว่ามันจะดำเนินไปสู่จุดไหน
...
หวั่นปูตินใช้อาวุธนิวเคลียร์
ปูตินบอกว่า รัสเซียจะมีการตอบสนองทางทหารต่อยูเครนรุนแรงยิ่งขึ้น หากยูเครนยังคงโจมตีสวนกลับอยู่แบบนี้ แต่พวกเขาจะตอบสนองรุนแรงขึ้นแค่ไหน? สงครามครั้งนี้แสดงให้เห็นแล้วว่า สิ่งต่างๆ ไม่สามารถคาดเดาได้ และดินแดนที่ได้มาก็อาจเสียไปได้ ชัยชนะของยูเครนอาจทำให้สงครามก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ที่อันตรายยิ่งกว่า เพราะสำหรับปูติน คำว่าแพ้เป็นสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้
ปูตินอาจเปิดฉากโจมตีทางอากาศ หรือระดมยิงปืนใหญ่เพื่อปลดปล่อยดินแดนที่ถูกยึดไป หรืออาจใช้โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ ซาปอริชเชีย ที่พวกเขายึดครองอยู่เป็นเครื่องมืองัดข้อกับยูเครนและชาติตะวันตก นอกจากนั้นยังมีความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะวางแนวป้องกันลึกขึ้น เพื่อทำสงครามพร่ากำลัง (war of attrition) แบบยืดเยื้อ เพื่อซื้อเวลาเติมเสบียงและกำลังทหาร
แต่สิ่งที่ชาติตะวันตกหวาดกลัวและตั้งคำถามอย่างมากคือ ปูตินจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หากรัสเซียทำท่าว่าจะแพ้สงครามในยูเครน นักวิเคราะห์กังวลว่า อาจหันไปใช้อาวุธเคมี หรือถึงขั้นใช้อาวุธนิวเคลียร์อย่างจำกัด แม้จนถึงตอนนี้สหรัฐฯ จะยืนยันว่า ยังไม่มีสัญญาณว่ามอสโกขยับขุมกำลังนิวเคลียร์ของพวกเขา แต่พลเอก วาเลรีย์ ซาลุชนี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครนเตือนว่า มีภัยคุกคามโดยตรงจากอาวุธนิวเคลียร์เชิงยุทธวิธีของรัสเซีย
ด้าน นางโรส กอตเทมโมลเลอร์ ผู้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการใหญ่แห่งองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ระหว่างปี 2559-2562 ก็มองว่ามีความเป็นไปได้เช่นกันที่รัสเซียจะล้างอายความเพลี่ยงพล้ำครั้งนี้ด้วยการแสดงแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ เช่น ยิง 1 ลูกลงทะเลดำ หรือโจมตีสิ่งปลูกสร้างทางทหารของยูเครนเพื่อสร้างความหวาดกลัว
...
ปัญหาที่อาจตามมา
อันตรายที่ยูเครนอาจต้องเผชิญไม่ได้มีเพียงแค่การโจมตีของรัสเซียเท่านั้น แต่ยังรวมถึงปัญหาลักษณะคล้ายกับที่รัสเซียจเจอในช่วงแรกของสงคราม เนื่องจากการบุกโจมตีหลายด้านพร้อมกันนั้นสิ้นเปลืองทรัพยากรอย่างหนัก ยิ่งยึดพื้นที่ได้มาก เส้นทางการส่งเสบียงก็ยิ่งยางขึ้น ทำให้ตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่าย จนอาจทำให้กองกำลังที่รุกคืบไปไกลที่สุดถูกตัดขาด และถูกปิดล้อม
นายโอเลกซี่ เรซนิคิฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของยูเครน เพิ่งออกมาเตือนกองทัพยูเครนในภาคตะวันตก ให้เพิ่มความระมัดระวังการโจมตีโต้กลับของรัสเซีย เนื่องจากการยึดคืนพื้นที่อย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ กองทัพต้องปักหลักอยู่ที่นั่นให้ได้ด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะง่ายขึ้นหากได้รับการสนับสนุนจากประชาชนท้องถิ่น
หลังประสบชัยชนะในคาร์คิฟ ประธานาธิบดีเซเลนสกี ก็ออกมาส่งสัญญาณให้โลกรู้ว่า พวกเขาเชื่อว่าสามารถชนะสงครามครั้งนี้ได้ และใช้ความก้าวหน้าล่าสุดในการเรียกร้องของความสนับสนุนด้านอาวุธจากชาติตะวันตกเพิ่ม ก่อนจะเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งการต่อสู้ทำได้ยากขึ้น ในขณะที่ชาติยุโรปก็ต้องวุ่นกับการแก้ปัญหาวิกฤติพลังงาน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ายูเครนจะโต้กลับรัสเซียได้อย่างงดงาม แต่เซเลนสกีระบุว่า ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการพลิกกระแสของสงคราม และเร็วเกินไปที่จะพูดถึงจุดจบของสงครามซึ่งเข้าสู่เดือนที่ 7 แล้วนี้
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : bbc , cnn , newsweek
...