ประชาชนชาวเมืองเซินเจิ้น ศูนย์กลางเทคโนโลยีของจีน ที่มีประชากรกว่า 18 ล้านคน ต้องล็อกดาวน์ในช่วงสุดสัปดาห์ ในขณะที่การตรวจหาเชื้อโควิด-19 ขนานใหญ่เริ่มขึ้น

การล็อกดาวน์ และการระงับบริการรถประจำทางและรถไฟใต้ดิน มีผลบังคับใช้สองวันหลังจากทางการของเมืองกล่าวว่าข่าวลือเกี่ยวกับการล็อกดาวน์ เกิดจาก “ความเข้าใจที่ผิดพลาด” ที่มีต่อมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ล่าสุด

ทางการเมืองเซินเจิ้น กล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันเสาร์ ผ่านบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการว่า ประชาชนที่อาศัยใน 6 เขต ที่ถือเป็นประชากรส่วนใหญ่ของเมือง จะได้รับการตรวจหาเชื้อสองครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ ที่จะช่วยลดผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนให้เหลือน้อยที่สุด

“ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเห็นด้วย โดยแสดงความคิดเห็นว่า การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่มาตรการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในช่วงสุดสัปดาห์ในบางเขตของเซินเจิ้น เป็นวิธีที่เร็วและมีประสิทธิภาพที่สุดในการทำลายห่วงโซ่การแพร่ระบาด”

พื้นที่ใน 6 เขตหลัก ซึ่งถูกจัดอยู่ในประเภท "พื้นที่เสี่ยงสูง" จะยังคงล็อกดาวน์เป็นเวลาเจ็ดวัน โดยอาจมีการขยายเวลาหากพบกรณีที่ผลเป็นบวกมากขึ้น

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเมืองเซินเจิ้นกล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันเสาร์ว่า ประชาชนควรอยู่บ้านให้มากที่สุดและหลีกเลี่ยงการรวมตัว แต่ไม่ได้บอกว่ามีผู้ได้รับผลกระทบจากข้อจำกัดดังกล่าวกี่คน

ทั้งนี้ สมาชิกเพียง 1 คน ของแต่ละครัวเรือนจะได้รับอนุญาตให้ออกจากบริเวณบ้านหนึ่งครั้งในช่วงสองวัน เพื่อซื้ออาหาร ยารักษาโรค และสิ่งของจำเป็น

มาตรการดังกล่าวเป็นไปตามรายงานของสื่อของรัฐเมื่อวันพฤหัสบดี โดยอ้างจากหน่วยงานสาธารณสุขของเมืองว่า การประกาศมาตรการใหม่เกี่ยวกับโควิด-19 ถูก "ตีความผิด" ว่าหมายถึงการปิดเมือง โดยเรียกร้องให้ประชาชน "ทำงานและใช้ชีวิตโดยไม่ต้องกังวล"

...

เจ้าหน้าที่รายงานผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ในพื้นที่ จำนวน 87 รายในเซินเจิ้นเมื่อวันศุกร์ เช่นเดียวกับวันก่อนหน้า ซึ่งนับว่าสูงสุดในรอบสัปดาห์ โดยผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7 รายอยู่นอกพื้นที่กักกัน

มาตรการใหม่ของเมืองเซินเจิ้นสะท้อนถึงการยึดมั่นต่อนโยบาย "โควิดเป็นศูนย์" อย่างเข้มงวดของจีน เพื่อยับยั้งการระบาดในทุกกรณี

ที่มา Channelnewsasia