เมื่อ 6 เดือนก่อน รัสเซียเปิดฉากยกทัพบุกโจมตีประเทศเพื่อนบ้านอย่างยูเครนเต็มรูปแบบ จนถึงตอนนี้ผ่านมานานกว่าครึ่งปีแล้ว สงครามก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะจบลง เช่นเดียวกับผลกระทบอันเลวร้ายที่ชาวยูเครนกำลังเผชิญ ซึ่งต่อไปนี้คือสถิติ 5 อย่างที่จะทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับยูเครน

1. ชาวยูเครน 13 ล้านคนพลัดถิ่นฐาน

การรุกรานยูเครนของรัสเซียทำให้เกิดวิกฤติผู้อพยพครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 นับจากเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา มีประชาชนในยูเครนมากกว่า 13 ล้านคนถูกบีบบังคับให้ต้องอพยพหลบหนี ซึ่งตามข้อมูลจาก สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) มีผู้อพยพกระจายไปทั่วยุโรปเกือบ 6.7 ล้านคน โดยโปแลนด์รับส่วนแบ่งไปมากที่สุด ขณะที่อีก 6.6 ล้านคน กลายเป็นผู้พลัดถิ่นอยู่ภายในยูเครน

...

ชาวยูเครนส่วนใหญ่ที่หนีออกจากประเทศเกือบทั้งหมดเป็นผู้หญิงและเด็ก เนื่องจากรัฐบาลห้ามชายอายุ 18-60 ออกไป ขณะที่สำนักงานผู้อพยพแห่งสหภาพยุโรประบุว่า มีเด็กชาวยูเครนเกือบ 500,000 คน เข้าเรียนในโรงเรียนต่างๆ ของชาติยุโรป

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์สงครามที่เปลี่ยนแปลงไปมา ทำให้ชาวยูเครนจำนวนมากได้โอกาสกลับมา โดยผลสำรวจของ องค์กรระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ชี้ว่า มีชาวยูเครน 5.5 ล้านคน ที่ก่อนหน้านี้เป็นผู้พลัดถิ่น ได้เดินทางกลับบ้านแล้ว

2. ทหารและพลเรือนหลายหมื่นคนเสียชีวิต

ทั้งสองฝ่ายรายงานการสูญเสียทหารนับตั้งแต่การรุกรานเริ่มต้นขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ไม่เผยจำนวนที่แน่ชัด เพราะต่างฝ่ายต่างไม่อยากยอมรับความสูญเสีย และมักบอกว่าสังหารฝ่ายศัตรูได้เป็นจำนวนที่มากกว่า

พลเอก วาเลรีย์ ซาลุชนี ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพยูเครน เผยเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ยูเครนเสียทหารไป 9,000 นาย ขณะที่อ้างด้วยว่า ทำให้ทหารฝ่ายรัสเซียบาดเจ็บล้มตายได้มากถึง 45,2000 นาย โดยความสูญเสียที่มากที่สุดเกิดขึ้นในแคว้นโดเนตสก์ทางตะวันออก และแคว้นมิโคลายิฟ ทางตอนใต้

ด้านสำนักงานสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ รวบรวมข้อมูลได้ว่า มีพลเรือนถูกสังหารในยูเครนเกือบ 5,600 รายระหว่างการต่อสู้ แต่เชื่อว่าตัวเลขแท้จริงนั้นสูงกว่านี้มาก

ฝ่ายรัสเซียระบุว่า มีทหารฝ่ายตัวเองเสียชีวิต 1,351 นาย ในสัปดาห์แรกของสงคราม แต่หลังจากนั้นก็ไม่อัปเดตข้อมูลอีกเลย ขณะที่สื่ออิสระของรัสเซียอย่าง iStories ระบุว่า มีทหารรัสเซียมากกว่า 5,000 นายเสียชีวิต แต่จำนวนที่แท้จริงอาจสูงกว่านั้น กองทัพรัสเซียเปิดเผยเมื่อเดือนมีนาคมด้วยว่า ยูเครนเสียทหารไปประมาณ 14,000 นาย และอีก 16,000 นายไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

3. รัสเซียยึดดินแดนยูเครนแล้ว 20%

ในปี 2557 รัสเซียผนวกรวมแคว้นไครเมียของยูเครนไปเป็นของตัวเอง ไม่นานหลังจากนั้น กลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนฝักฝ่ายรัสเซียก็ประกาศแยกดินแดนทางตะวันออกไกลที่พวกเขายึดครองเป็นอิสระ ทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างทั้งสองฝ่ายเรื่อยมานานเกือบ 8 ปี

จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา รัสเซียควบคุมพื้นที่ของยูเครนราว 17,000 ตร.ไมล์ แต่ 6 เดือนก่อน หลังเกิดการบุกโจมตีเต็มรูปแบบ รัสเซียขยายพื้นที่ของพวกเขาในยูเครนมากขึ้นเกือบ 3 เท่า โดยประธานาธิบดี โวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน กล่าวว่า รัสเซียยึดดินแดนยูเครนไปแล้ว 20% หรือราว 47,000 ตร.ไมล์

4. หลายสิบประเทศทุ่มงบหมื่นล้านช่วยกองทัพยูเครน

หลายสิบประเทศได้ให้ความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน ซึ่งรวมถึงการส่งอาวุธยุทโธปกรณ์และฝึกเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่ทุ่มงบมหาศาล ซึ่งล่าสุดประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็เพิ่งประกาศจัดอาวุธยุทโธปกรณ์ให้อีกมูลค่ากว่า 3 พันล้านดอลลาร์ ทำให้จนถึงตอนนี้ วอชิงตันช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครนไปแล้วกว่า 1.06 แสนล้านดอลลาร์ ไม่รวมงบช่วยเหลือด้านอื่นๆ อีกหลายพันล้านดอลลาร์ที่ผ่านความเห็นชอบจากสภาเมื่อเดือนพฤษภาคม

นอกจากสหรัฐฯ ยังมีอีกหลายประเทศที่มอบความช่วยเหลือทางทหารแก่ยูเครน เช่น ออสเตรเลีย ส่งรถหุ้มเกราะไปให้แล้ว 88 คัน, ตุรกี ส่งโดรนต่อสู้ไปให้ราว 80 ลำ ส่วนสหราชอาณาจักรช่วยฝึกทหารจำนวน 22,000 นาย ส่วนประเทศอื่นๆ ให้การสนับสนุนด้านการขนส่ง เช่น สโลวาเกีย ที่ส่งน้ำมันดีเซลและเชื้อเพลิงเครื่องบินเจ็ตให้ยูเครน 3.2 ล้านแกลลอน

5. เศรษฐกิจยูเครนอาจถดถอย 45%

การรุกรานของรัสเซียสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจของยูเครนเป็นวงกว้าง ธนาคารโลกประเมินไว้เมื่อเดือนเมษายนว่า เศรษฐกิจยูเครนอาจถดถอยถึง 45% ในปีนี้ ขณะที่เมื่อสัปดาห์ก่อน รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของยูเครน คาดว่า ผลผลิตมวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ซึ่งเคยมีมูลค่า 2.01 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2564 จะลดลง 35% ถึง 40% เมื่อถึงสิ้นปีนี้

...

ด้านโรงเรียนเศรษฐศาสตร์กรุงเคียฟ ระบุว่า ความขัดแย้งนี้สร้างความเสียหายแก่ยูเครนคิดเป็นมูลค่ากว่า 1.135 แสนล้านดอลลาร์ โดยที่อาคารบ้านเรือนและโครงสร้างพื้นฐานเกี่ยวกับการขนส่ง ถูกโจมตีหนักเป็นพิเศษ ซึ่งประเทศอาจต้องใช้งบประมาณสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์ในการฟื้นฟู

ขณะเดียวกัน กระทรวงการเกษตรของยูเครนเผยว่า การส่งออกธัญพืช ซึ่งเป็นสินค้าหลักของพวกเขา ลดลงจากปีก่อน 46% เนื่องจากท่าเรือบริเวณทะเลดำถูกกองกำลังรัสเซียปิดกั้นนานถึง 5 เดือน แม้จะมีการบรรลุข้อตกลงเปิดท่าเรือแล้วในเดือนกรกฎาคม แต่คาดว่าภาคการเกษตรจะได้รับผลกระทบอย่างหนักต่อไป เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมเหล็กซึ่งเสียหายไม่แพ้กัน

อย่างไรก็ตาม ยูเครนยังมีมิตรประเทศทั่วโลกที่คอยช่วยเหลือค้ำจุนเศรษฐกิจของพวกเขา โดยสหรัฐฯ เพียงประเทศเดียวก็ให้คำมั่นว่าจะมอบความช่วยเหลือทางการเงินแก่ยูเครนแล้ว 8.5 พันล้านดอลลาร์ เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ ของรัฐยังทำงานได้ต่อไป ขณะที่สหภาพยุโรปมอบเงินช่วยเหลือให้ยูเครนแล้วหลายพันล้านยูโรนับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้น และตอนนี้กำลังพิจารณาแพ็กเกจช่วยเหลืออีก 8 พันล้านยูโร เพื่อใช้ตลอดช่วง 6 เดือนข้างหน้า

ที่มา : NPR