องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐฯ หรือนาซา เตรียมส่งจรวดขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า "สเปซ ลอนช์ ซิสเท็ม" (Space Launch System) หรือเอสแอลเอส ขึ้นสู่อวกาศในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่จรวดดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจดวงจันทร์ครั้งใหม่ของนาซา

นาซาระบุว่า เอสแอลเอส ซึ่งมีความสูง 96.6 เมตร เป็นจรวดที่ทันสมัยที่สุดที่นาซาพัฒนาขึ้น และจะเป็นรากฐานสำคัญของโครงการสำรวจดวงจันทร์ครั้งใหม่ของนาซาที่มีชื่อว่า "อาร์เทมิส" (Artemis) ซึ่งตั้งเป้าส่งนักบินอวกาศกลับไปเหยียบดวงจันทร์อีกครั้งหลังจากที่หยุดสำรวจมานานถึง 50 ปี หลังจากโครงการ "อะพอลโล" ของนาซาได้นำนักบินอวกาศสหรัฐฯ 12 คน ลงไปเหยียบพื้นผิวดวงจันทร์ครั้งแรก โดยการปล่อยจรวดครั้งนี้ ใช้เงินงบประมาณกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นาซามีกำหนดปล่อยจรวดเอสแอลเอสขึ้นสู่อวกาศจากศูนย์อวกาศเคนเนดี ในรัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เวลา 08.33 น. ของวันนี้ตามเวลาในสหรัฐ หรือตรงกับเวลา 19.33 น. ของวันนี้ตามเวลาประเทศไทย

นอกจากนั้น จรวดเอสแอลเอส จะส่งแคปซูลชื่อ "โอไรออน" (Orion) ซึ่งไม่มีนักบินประจำการ ไปโคจรรอบดวงจันทร์ก่อนตกสู่พื้นโลกในมหาสมุทรแปซิฟิกในอีก 6 สัปดาห์หน้า ทั้งนี้ นาซาตั้งเป้าว่าจะส่งนักบินอวกาศในโครงการอาร์เทมิสออกเดินทางไปสำรวจดวงจันทร์ตั้งแต่ปี 2024 เป็นต้นไป

นายแรนดี เบรสนิก นักบินอวกาศของนาซา เผยว่า นาซาจะศึกษาสิ่งต่างๆ ผ่านเลนส์ที่ติดอยู่บนแคปซูลดังกล่าวในภารกิจอาร์เทมิส 1 เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการส่งนักบินอวกาศขึ้นสู่อวกาศในภารกิจอาร์เทมิส 2 ขณะที่นักอุตุนิยมวิทยาของสำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมของรัฐฟลอริดา ระบุว่า ช่วงเช้าหลังเวลา 08.30 น. มีสภาพอากาศเหมาะสมถึงร้อยละ 80 ต่อการปล่อยจรวดขึ้นสู่อวกาศ แม้ก่อนหน้านี้จะมีรายงานการเกิดฟ้าผ่าใส่ฐานปล่อยจรวดก็ตาม

...

เอสแลเอสจะใช้แรงขับ 39.1 เมกะนิวตัน เพื่อดันจรวดออกจากฐานปล่อย ซึ่งมากกว่าจรวดแซตเทิร์น วี (Saturn V) ที่ส่งนักบินอวกาศอะพอลโลไปดวงจันทร์ในยุค 1960 และ 1970 เกือบ 15%

ทั้งนี้ สิ่งที่วิศวกรกังวลมากที่สุดคือแผงระบายความร้อนของโอไรออนจะสามารถรับมือกับอุณหภูมิสุดขั้วที่จะเกิดขึ้นเมื่อกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกอีกครั้งได้หรือไม่ เนื่องจากโอไรออนจะกลับเข้ามาด้วยความเร็วมากถึง 38,000 กม./ชม. หรือ 32 เท่าของความเร็วเสียง

โครงการอาร์เทมิส มีเป้าหมายสูงสุดในการสร้างฐานบนดวงจันทร์ในระยะยาว เพื่อเป็นก้าวสำคัญในการเดินทางไปยังดาวอังคารโดยนักบินอวกาศ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่เจ้าหน้าที่ของนาซากล่าวว่า อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยที่สุดในช่วงปลายทศวรรษ 2030