นายแพทย์ แอนโทนี เฟาซี วัย 81 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศลาออกจากตำแหน่งในเดือนธันวาคมนี้
นพ.เฟาซี กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ ถึงการลาออกจากตำแหน่ง ทั้งในฐานะผู้อำนวยการสถาบันโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติ (NIAID) และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาทางการแพทย์ของประธานาธิบดีไบเดน
นพ.เฟาซี ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 ของสหรัฐฯ กล่าวยืนยันว่า เขายังไม่เกษียณ แต่จะลาออกไปทำงานด้านอื่นอย่างที่เคยวางแผนไว้ โดยก่อนหน้านี้เขาตั้งใจว่าจะลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวหลังหมดวาระของประธานาธิบดีไบเดน แต่เปลี่ยนใจจะลาออกในเดือนธันวาคมของปีนี้แทน
ด้าน นายไบเดน กล่าวขอบคุณนายแพทย์เฟาซีถึงการทำงานด้วยจิตวิญญาณ ความมีพลัง และการทำงานอย่างมีจริยธรรม ทำให้สหรัฐฯ สามารถฟื้นตัวได้เร็วขึ้น แข็งแรงขึ้น และสุขภาพดีขึ้น
โดยเมื่อเดือน ก.ค. นพ.เฟาซี เคยประกาศว่าเขาจะเกษียณอายุก่อนการครบวาระการดำรงตำแหน่งของนายไบเดน ทั้งนี้ นพ.เฟาซี เข้าทำงานในสถาบันสุขภาพแห่งชาติ เมื่อปี 1968 ในสมัยที่ นายลินดอน จอห์นสัน ดำรงตำแหน่งผู้นำสหรัฐฯ ต่อมาเขาได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ NIAID เมื่อปี 1984 ซึ่งเป็นยุคที่มีการระบาดของโรคเอดส์ โดยผ่านการทำงานตั้งแต่สมัย นายโรนัลด์ เรแกน จากพรรครีพับลิกัน มาจนถึง นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต
เขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากการทำงานเพื่อรับมือกับการระบาดของโควิด-19 เมื่อปี 2020 ทำให้เขากลายเป็นแพทย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสหรัฐฯ นพ.เฟาซี มักปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ ในสหรัฐฯ และถือเป็นตัวแทนของสหรัฐฯ ในการต่อสู้กับไวรัสโคโรนา
ในช่วงที่เขาเริ่มมีชื่อเสียง ได้มีผู้ลงชื่อกว่า 28,000 คน เพื่อให้เขาเป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงตำแหน่ง "ผู้ชายที่เซ็กซี่ที่สุดที่ยังมีชีวิตอยู่" ของนิตยสารพีเพิล เมื่อปี 2020 เขายังสร้างความไม่พอใจให้แก่คนบางกลุ่มที่มองว่าเขาคือตัวแทนของการประกาศล็อกดาวน์และการบังคับสวมหน้ากากอนามัย นอกจากนั้นในบางครั้งเขายังปะทะคารมกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรับมือการระบาด
...
แม้เขาจะลาออกจากตำแหน่งในรัฐบาล แต่เขาประกาศอย่างชัดเจนว่าเขาจะยังคงทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านสุขภาพต่อไป
"ผมวางแผนที่จะก้าวสู่ช่วงชีวิตถัดไปในด้านอาชีพการงาน ในขณะที่ผมยังมีพลังและความหลงใหลอย่างล้นเหลือในงานของผม.".
ที่มา: บีบีซี