หลักฐานการพบเศษซากมิสไซล์ AGM-88 HARM อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านการแผ่คลื่นเรดาร์ ในเขตยึดครองของรัสเซียในเมืองเคอร์ซอน ชี้ว่ายูเครนมีความสามารถใช้อาวุธตะวันตกร่วมกับเครื่องบินมิก-29 ได้แล้ว

จากกรณีที่มีการเผยแพร่รูปทางเทเลแกรมของผู้ใช้งานในรัสเซียเผยภาพเศษซากที่อ้างว่าเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านการแผ่คลื่นเรดาร์ AGM-88 High-Speed Anti-Radiation Missile (HARM) ในบริเวณใกล้กันกับฐานยิงขีปนาวุธต่อต้านอากาศยาน S300 โดยมีการแสดงเศษซากและชิ้นส่วนครีบหางที่มีการสลักตัวเลขแต่ยังไม่มีการยืนยัน ทำให้มีการคาดการณ์ว่ากองทัพยูเครนได้รับอาวุธปล่อยชนิดนี้มาใช้งาน ซึ่งต่อมามีรายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหมยูเครนเผยว่า กองทัพบกยูเครนได้รับมอบมิสไซล์ต่อต้านเรดาร์ไม่ทราบชนิดมาใช้งาน

แม้ว่ารูปภาพที่ปรากฏจะไม่ได้แสดงให้ข้อมูลที่มากพอ รวมทั้งพื้นที่ที่ถ่ายว่าอยู่ในที่แห่งใด เพราะปรากฏเพียงภาพภูมิประเทศที่เป็นเนินเขา ดังนั้นจึงไม่มีองค์ประกอบส่วนใดที่ต้องทำความเข้าใจว่า ภาพถ่ายนั้นถ่ายในยูเครนจริงๆ หรือไม่ นอกจากนี้ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าครีบหางที่มีซีเรียลนัมเบอร์นั้นถูกพบพร้อมกับเศษในรูปภาพอื่นหรือไม่ องค์ประกอบเหล่านี้สามารถเปิดความในสมมติฐานความเป็นไปได้ของการดำเนินการติดธงปลอม โดยรัสเซียพยายามสร้างหลักฐานว่านาโตมีส่วนเกี่ยวข้องในการสู้รบ ทำให้เกิดคำถามที่เชื่อมโยงกับสิ่งที่ปรากฏจากภาพถ่าย คือ 1.ขีปนาวุธนี้มาจากไหน 2.เครื่องบินของนาโต (NATO) ไม่ได้บินเข้าไปในน่านฟ้าของยูเครน และแม้เครื่องบินเพียงลำเดียวที่เข้าใกล้พรมแดนยูเครน ก็เป็นเครื่องบินที่เกี่ยวข้องกับภารกิจลาดตระเวนการรบ หรือ Combat Air Patrol ก็ติดขีปนาวุธอากาศ-สู่-อากาศเท่านั้น

...

เครื่องบินแบบใดใช้อาวุธชนิดนี้ได้บ้าง

ในบรรดาชาติสมาชิกนาโต มีเครื่องบินขับไล่ 3 แบบที่สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรดาร์แบบ AGM-88 HARM ได้ ประกอบด้วย 1.พานาเวีย ทอร์นาโด อีซีอาร์ (Tornado ECR) เอฟ-16 ซีเอ็ม Block 50 และ เอฟ-เอ-18 จี โกรว์เลอร์ เมื่อวิเคราะห์รายชนิด จะพบว่า
1.ทอร์นาโด อีซีอาร์ กองทัพอากาศเยอรมนี และกองทัพอากาศอิตาลี ไม่ได้มีส่วนร่วมในภารกิจบินลาดตระเวนการรบ (CAP) เพราะเครื่องบินรุ่นนี้ออกแบบมาเพื่อทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และการโจมตีภาคพื้นดิน 
2.เอฟ-16 ซีเอ็ม Block 50 ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ประจำการที่ฐานทัพอากาศสแปงดัลเลม เยอรมนี ที่เป็น 1 ในฝูงบินไวล์ดวีเซล ที่วางกำลังในแนวหน้าภาคพื้นยุโรป โดยในภารกิจบินลาดตระเวนการรบ (CAP) ก็ติดตั้งอาวุธปล่อยอากาศ-สู่-อากาศ 6 นัด ทำให้ไม่มีพื้นที่เหลือติดตั้ง AGM-88 HARM ได้
3.เอฟ-เอ-18 จี โกรว์เลอร์ ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ก็บินลาดตระเวนการรบพร้อมขีปนาวุธอากาศ-สู่-อากาศ

การใช้อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรดาร์ AGM-88 HARM มีการทำงานอย่างไร

สำหรับกองทัพอากาศสหรัฐฯ มีเครื่องบินเอฟ-16 ซีเจ/ดีเจ บล็อก 50 ที่เป็นกำลังหลักในการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรดาร์ AGM-88 HARM ได้ โดยเครื่องบินเอฟ-16 รุ่นนี้จะมีการติดตั้งกระเปาะชี้เป้าสำหรับอาวุธปล่อยฮาร์ม (HARM Targeting System pods) กระเปาะนี้จะไว้ในการตรวจจับการแผ่คลื่นเรดาร์ ทำให้สามารถชี้เป้าหมายฐานปล่อยมิสไซล์ต่อต้านอากาศยานได้ จากนั้นกระเปาะจะส่งข้อมูลเป้าหมายไปยังอาวุธปล่อย AGM-88 HARM เมื่อยิงออกไปมิสไซล์จะเร่งความเร็วมากกว่า 2 มัค และมีระยะยิงได้ 80 ไมล์ พร้อมทั้งหัวรบสะเก็ดระเบิด 200 ปอนด์

การใช้งานหัวใจสำคัญอยู่ที่ความซับซ้อนในการรวมระบบชี้เป้า HTS ทั้งหมดเข้ากับลำตัวเครื่องบินเอฟ-16 เพราะเราต้องเพิ่มการเดินสายไฟเพื่อเชื่อมต่อด้วยบัสความเร็วสูง สำหรับการถ่ายโอนข้อมูลดิจิตอล และการติดตั้ง HARM Attack Display โดยเฉพาะในห้องนักบิน นอกจากนี้โครงเครื่องบินต้องมีรางปล่อย LAU-118/A สำหรับ HARM ที่ไพลอนใต้ปีก

แต่มันก็มีการติดตั้งฮาร์มที่ง่ายกว่าที่กล่าวมา และยังลดความซับซ้อนไปได้อีก ไม่ต้องดัดแปลงเครื่องบินเพื่อติดตั้งฮาร์ดแวร์ หรือเดินสายไฟเพิ่ม เราเรียกว่า "HARM as sensor" โดยที่ปล่อยให้ขีปนาวุธใช้หัวนำวิถีตรวจจับการแผ่รังสีของตัวเองเป็นเซนเซอร์สัญญาณหลัก แทนที่จะพึ่งพาการตรวจจับและชี้เป้าผ่านกระเปาะ HTS โดยเป็นวิธีการกำหนดเป้าหมาย ให้ความแม่นยำน้อยกว่า แต่ก็แลกด้วยการลดความยุ่งยากในการติดตั้งเพื่อให้ใช้งานได้ คุณเพียงแค่ต้องมีรางปล่อย สายไฟ และจอแสดงการโจมตีในห้องนักบิน

...

สหรัฐฯ ยอมรับว่าส่ง AGM-88 HARM ให้ยูเครน และยูเครนก็ยอมรับว่าได้รับมา 

จากการรายงานของสื่อได้อ้างการให้สัมภาษณ์ของ นายโอเล็กไซ เรนิซคอฟ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของยูเครน ที่ระบุถึงการมีอยู่ของอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรดาร์ไม่ทราบชนิดส่งมาให้ยูเครนว่า "We will get special anti-radar missiles that we did not have before. This will allow you and I to effectively destroy their radar system, essentially blinding the enemy, which will give us the opportunity to gain an advantage for a counteroffensive." (เราจะได้รับขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์แบบพิเศษที่เราไม่เคยมีมาก่อน สิ่งนี้จะช่วยให้ทหารของเราได้ทำลายระบบเรดาร์ของพวกมันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยพื้นฐานแล้วการทำงานของมิสไซล์จะทำให้ศัตรูตาบอด (ทำลายเรดาร์ที่ใช้ตรวจจับล็อกเป้า) ซึ่งจะทำให้เรามีโอกาสได้เปรียบในการตอบโต้)

ทางด้านสหรัฐฯ อ้างจากการรายงานของซีเอ็นเอ็นว่า เพนตากอน ประกาศว่า สหรัฐฯ ได้ส่งขีปนาวุธต่อต้านเรดาร์สำหรับเครื่องบินยูเครน เพื่อใช้ต่อต้านฐานเรดาร์ของรัสเซีย นับเป็นครั้งแรกที่กระทรวงกลาโหมยอมรับการส่งขีปนาวุธที่ไม่เปิดเผยก่อนหน้านี้ไปยังยูเครน

...

นายโคลลิน คาห์ล ปลัดด้านนโยบาย กระทรวงกลาโหม กล่าวในการแถลงข่าวว่า สหรัฐฯ ได้ส่งขีปนาวุธ "จำนวนหนึ่ง" โดยไม่ได้ระบุจำนวนที่สหรัฐฯ จัดหาให้ หรือส่งเมื่อใด อีกทั้งไม่ได้ระบุชัดเจนว่าส่งขีปนาวุธต่อต้านการแผ่คลื่นประเภทใด แต่เจ้าหน้าที่กลาโหมระบุกับทางซีเอ็นเอ็นว่า เป็น AGM-88 High-Speed Anti-Radiation Missile (HARM)

คาห์ล กล่าวว่า ในระยะเวลาอันใกล้ เราได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างเพื่อทำให้กองทัพอากาศของยูเครนอยู่ในอากาศและมีความสามารถมากขึ้น เขาชี้ไปที่ชิ้นส่วนอะไหล่สำหรับ Mig-29 ที่สหรัฐฯ ช่วยส่งไปยังยูเครนเพื่อให้เครื่องบินขับไล่ยุคโซเวียตบินได้ จากนั้นคาห์ลกล่าวถึงขีปนาวุธดังกล่าวว่า "สามารถส่งผลกระทบต่อเรดาร์ของรัสเซียและสิ่งอื่นๆ ได้"

คาห์ล แถลงว่า ขีปนาวุธดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในแพ็กเกจอาวุธล่าสุด ของเพนตากอนมูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์สำหรับยูเครน โดยเป็นแพ็กเกจอาวุธที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ที่ส่งให้กับยูเครนจนถึงปัจจุบัน โดยประกอบไปด้วยอาวุธประสิทธิภาพการโจมตีสูงและแม่นยำ ได้แก่ High-Mobility Artillery Rocket System (HIMARS) ปืนใหญ่สนามโฮวิตเซอร์ 155 มม. แบบ M777 เครื่องสนาม และกระสุน รวมทั้งยุทธภัณฑ์ต่างๆ อีกมากมาย

ยูเครนยิงมิสไซล์ชนิดนี้จากอะไร

...

อีกหนึ่งความเป็นไปได้ คือ การที่ยูเครนมีฐานยิงภาคพื้นดินสำหรับปล่อย AGM-88 โดยเรื่องนี้เคยถูกเสนอแนวคิดโดย นอร์ทรอป์ กรัมแมน เมื่อหลายปีก่อน ด้วยการบรรจุมิสไซล์ไว้ในชุดยิงที่ซ่อนในคอนเทนเนอร์ อย่างไรก็ตามระบบคอนเทนเนอร์ดังกล่าวไม่ได้ผ่านการยอมรับตั้งแต่ขั้นตอนแนวคิด ดังนั้นวิธีการใช้งานขีปนาวุธในยูเครนจึงยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด

อีกหนึ่งทางเลือก มีผู้สังเกตการณ์บางรายชี้ว่า AGM-88 ฮาร์ม รุ่นต่อๆ มา ที่ผลิตโดยเรธีออน นับตั้งแต่รุ่นแรกๆ ในยุคปี 1980 สามารถใช้งานร่วมกับแท่นยิงภาคพื้นดินได้ เป็นไปได้ว่ายูเครนอาจดัดแปลงรถบรรทุกติดตั้งแท่นยิงเพื่อใช้ปล่อย AGM-88 HARM 

เครื่องบินยูเครนใช้ยิง AGM-88 ได้หรือไม่

หลายคนแนะนำว่าบางทีขีปนาวุธเหล่านี้อาจถูกผนวกรวมให้เข้ากับเครื่องบินขับไล่ยูเครนที่ได้รับการอัปเกรดแล้ว อย่างไรก็ตามแม้เครื่องบินแบบที่ยูเครนใช้ ที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อยืดอายุการใช้งานในกลุ่มนาโต อย่างมิก-29 ที่มีการอัปเกรดขึ้นมากมายเพื่อให้เป็นมาตรฐานนาโต แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถใช้งานอาวุธข้ามระบบมาใช้มิสไซล์ของอเมริกันได้ เพราะการผสานระบบอาวุธจากรัสเซียมาเป็นอเมริกันไม่ใช่เรื่องง่าย ไม่ใช่การรัดรางปล่อยแบบ LAU-118A และ AGM-88 เข้ากับไพล่อนติดอาวุธใต้ปีกมิก-29 แล้วยิงได้เลย แต่มันมีความซับซ่อนกว่านั้น ทั้งการผสานระบบอวิโอนิกส์ ระบบควบคุมการยิง การเชื่อมข้อมูลเรดาร์ที่เป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ซับซ้อน

ดังนั้นการที่เครื่องบินมิก-29 ของรัสเซียจะยิง AGM-88 HARM เมื่อพิจารณาแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่จะคาดหวังการพัฒนาได้ตามปกติ เพราะอาวุธสหรัฐฯ โดยปกติจะใช้กับเครื่องบินรัสเซียที่ยูเครนมีไม่ได้อยู่แล้ว ทั้งเครื่องบินขับไล่มิก-29 หรือ ซู-27 หรือเครื่องบินโจมตี ซู-24 และ ซู-25 แต่อาจจะเป็นไปได้หากว่าสหรัฐฯ จะช่วยยูเครน เมื่อพิจารณาจากการช่วยมอบอะไหล่และอุปกรณ์สนับสนุนสำหรับมิก-29 ในรอบที่ผ่านมา ในการดัดแปลง หรือสร้างอแดปเตอร์ติดตั้งขีปนาวุธอากาศ-สู่-พื้น สำหรับยิงอาวุธปล่อยนำวิถีไต่คลื่นเรดาร์ให้

มาถึงตรงนี้ไม่ยากเลยที่จะจินตนาการว่าช่างเทคนิคชาวอเมริกันได้ช่วยเหลือวิศวกรชาวยูเครนเพื่อเพิ่มอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการใช้ HARM บนเครื่องมิก-29 ที่ยูเครนใช้งาน เพราะจริงๆ แล้วการใช้ขีปนาวุธในการต่อสู้นั้นก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา คือ เมื่อขีปนาวุธตรวจจับเรดาร์ ไอคอนจะปรากฏขึ้นบนหน้าจอห้องนักบิน นักบินเลื่อนเคอร์เซอร์ไปที่ไอคอน เพื่อจับเป้าและเหนี่ยวไกนาทีต่อมา มิสไซล์ก็พุ่งเข้าใส่เป้าหมาย หัวรบขนาดสองร้อยปอนด์ก็จะไประเบิดจานเรดาร์ยิงขีปนาวุธและรถตู้ควบคุมการยิง

แหล่งข่าวด้านความมั่นคง กล่าวกับ The Drive ว่า "ประการแรก เรากำลังจัดหาขีปนาวุธต่อต้านการแผ่คลื่นเรดาร์ความเร็วสูงเพิ่มเติม นั่นคือขีปนาวุธ HARM ยูเครนใช้ขีปนาวุธเหล่านี้ได้สำเร็จ พวกเขาประสบความสำเร็จในการอินทิเกรดระบบเข้ากับเครื่องบินของยูเครน และทำให้ยูเครนสามารถค้นหาและทำลายเรดาร์ของรัสเซียได้ ดังนั้น เราจะจัดหาขีปนาวุธ HARM เพิ่มเติมให้

เครื่องบินของยูเครนเข้ากันได้กับอาวุธปล่อย และคุณพูดถูก นี่คือขีปนาวุธที่ผลิตจากตะวันตก-เครื่องบินที่พวกเขารวมเข้าด้วยกันคือเครื่องบินมิก-29 ของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงประสบความสำเร็จในการรวมเข้าด้วยกัน นี่เป็นสิ่งที่เรากำหนด จะเป็นไปได้ในทางเทคนิค และจากการพิจารณาความเป็นไปได้นั้น เราได้ให้ความสามารถนี้แก่พวกเขา ดังนั้น คือ HARM ที่เราจัดหาชุดที่ 2 ให้"

บทสรุปเมื่อเครื่องบินยูเครนใช้งานอาวุธตะวันตกได้

ผู้เขียนมีความเห็นว่า การทำให้เครื่องบินขับไล่และเครื่องบินโจมตีของยูเครนสามารถใช้งานอาวุธตะวันตกได้ จะเพิ่มขีดความสามารถที่มีอยู่จำกัด ให้ทรงประสิทธิภาพมากขึ้น ในขณะที่ยังไม่สามารถจัดหาเครื่องบินรบใหม่มาใช้งานได้ โชคดีที่การพัฒนาเทคโนโลยีก้าวล้ำไปมาก จนทำให้ระบบอาวุธค่ายยุโรปตะวันออก และรัสเซีย เปิดกว้างมากขึ้นในการรับอาวุธอื่นๆ จากตะวันตกเพิ่มขึ้น อาทิ ระเบิดนำวิถีด้วยเลเซอร์ หรืออาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น อื่นๆ ที่ยูเครนไม่มีใช้งาน เช่น ฮาร์พูน บริมสโตน หรือเฮลล์ไฟร์ การที่เพิ่มขีดความสามารถให้ใช้อาวุธทันสมัยของตะวันตก ทั้งที่ก่อนนี้มีแค่การที่บางชาติที่ใช้อาวุธตะวันตกดัดแปลงเครื่องบินให้ใช้อาวุธรัสเซียได้เพราะถูกคว่ำบาตร

ทั้งนี้ การมีอาวุธปล่อย HARM ในมือของยูเครน ทำให้ความได้เปรียบในเรื่องอาวุธของรัสเซียลดลง ขณะเดียวกันยังเป็นการพิสูจน์หลักการรบที่ตะวันตกมีกับรัสเซียผ่านการรบของทหารยูเครนด้วยว่า สามารถจัดการเป้าหมายได้จริง ทำให้ทางรัสเซียต้องมีการปรับรูปแบบการวางกำลังใหม่ ซึ่งน่าติดตามต่อว่าสงครามรัสเซีย-ยูเครนหลังจากนี้จะออกมารูปแบบใด...  

เนื้อเรื่องโดย จุลดิส รัตนคำแปง

ที่มาข้อมูล : เว็บไซต์ the aviationist, เว็บไซต์ cnn.com, เว็บไซต์ forbes.com, เว็บไซต์ the drive / the-war-zone

ภาพประกอบจาก เฟซบุ๊กเพจ U.S. Pacific Air Forces