รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรี หลังพบคะแนนความนิยมลดต่ำลงต่อเนื่อง โดยน้องชายของนายอาเบะหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม เหตุเกี่ยวพันโบสถ์ฉาว


นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น ประกาศปรับคณะรัฐมนตรีภายใต้การบริหารงานของเขาในวันนี้ หลังจากคะแนนความนิยมของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีกลาโหม จาก นายโนบุโอะ คิชิ น้องชายของอดีตนายกรัฐมนตรีชินโสะ อาเบะ ที่เพิ่งถูกลอบสังหารไปไม่นานมานี้ ไปเป็น นายยาสุคาสึ ฮามาดะ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม ให้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง ขณะที่ตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงหลักหลายๆตำแหน่งยังคงเดิม เช่น นายชุนอิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายเท็ตสึโอะ ไซโต ยังคงนั่งในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน รวมทั้ง นายโยชิมาสะ ฮายาชิ ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศ ส่วน นายคัตสึโนบุ คาโตะ ที่เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสาธารณสุขในสมัยที่นายอาเบะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะได้กลับมานั่งในตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

สำหรับสาเหตุที่น้องชายอดีตผู้นำญี่ปุ่นหลุดจากตำแหน่ง ส่วนหนึ่งเกิดจากกระแสสังคมที่เริ่มตั้งข้อสังเกตและแสดงความไม่พอใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของโบสถ์แห่งความสามัคคีกับนักการเมืองของญี่ปุ่น โดย นายโนบุโอะ คิชิ เคยเปิดเผยว่า เขาจำเป็นต้องทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับโบสถ์แห่งความสามัคคี หลังเกิดเหตุลอบสังหารนายอาเบะ พี่ชายของเขา พร้อมยอมรับว่าเขาได้รับความช่วยเหลือในการเลือกตั้งครั้งก่อนๆ จากสมาชิกของโบสถ์แห่งนี้ แต่ปฏิเสธว่าไม่ได้รับการสนับสนุนจากองค์กรแต่อย่างใด

...

ขณะที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ระบุว่า เขาจะออกคำสั่งให้รัฐมนตรีใหม่ทุกคน ต้องชี้แจงความสัมพันธ์กับโบสถ์แห่งความสามัคคีอย่างโปร่งใส

นายกรัฐมนตรีฟุมิโอะ คิชิดะ นำพรรคเสรีประชาธิปไตยชนะการเลือกตั้งสภาสูงอย่างถล่มทลายเมื่อเดือนที่แล้ว หลังจากที่นายอาเบะถูกลอบยิงเสียชีวิต ขณะที่ช่วยพรรคลงพื้นที่หาเสียง โดยชายที่มีความแค้นต่อโบสถ์แห่งความสามัคคี

โดยการปรับคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นครั้งนี้มีขึ้น หลังจากโพลสำรวจของเอ็นเอชเคที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา พบว่าคะแนนความนิยมในรัฐบาลชุดปัจจุบัน ลดลงสู่ระดับต่ำสุด นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง เมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว โดยลดลงมา 13 เปอร์เซ็นต์ ใน 3 สัปดาห์ มาอยู่ที่ 46 เปอร์เซ็นต์ จากก่อนหน้านี้ที่ร้อยละ 59 ขณะที่ผลสำรวจจาก โยมิอุริ ชิมบุน เดลี่ พบว่าคะแนนนิยมของรัฐบาลลดลงถึง 8 จุด จากเดือนกรกฎาคมที่มาอยู่ที่ 57 เปอร์เซ็นต์.