IMF ลดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกในปี 2565 และ 2566 ลดลงอีก จากสถานการณ์เงินเฟ้อ พร้อมกับเตือนว่า โลกจะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหากปล่อยไว้ไม่แก้ไข

สำนักข่าว รอยเตอร์ส รายงานว่า กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ตัดลดแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอีกครั้งในวันอังคารที่ 26 ก.ค. 2565 พร้อมเตือนว่า ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงและสงครามในยูเครนเริ่มเป็นรูปธรรม และอาจผลักให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยหากปล่อยไว้โดยไม่มีการรับมือ

IMF ระบุว่า อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ ณ มูลค่าราคาคงที่ (real GDP growth) ในปี 2565 จะชะลอตัวลงไปอยู่ที่ 3.2% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 3.6% เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา พวกเขาเสริมด้วยว่า เศรษฐกิจโลกถึงขั้นหดตัวลงในไตรมาสที่ 2 เนื่องจากการตกต่ำของเศรษฐกิจในจีนและรัสเซีย

กองทุนการเงินระหว่างประเทศยังลดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2566 เหลือเพียง 2.9% หลังจากเมื่อเดือนเมษายนพวกเขาคาดการณ์ไว้ที่ 3.6% อ้างผลกระทบจากนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดขึ้น “แนวโน้มการเติบโตย่ำแย่ลงอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่เมษายน เศรษฐกิจโลกอาจไปอยู่บนขอบเหวของการถดถอยในเร็วๆ นี้ เพียงแค่ 2 ปีหลังจากครั้งก่อนเกิดขึ้น” ปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ IMF ระบุในแถลงการณ์

IMF ระบุด้วยว่า การคาดการณ์ล่าสุดของพวกเขานั้นมีความไม่แน่นอนอย่างยิ่ง และมีความเสี่ยงเลวร้ายลงจากการที่สงครามในยูเครนทำให้ราคาอาหารและพลังงานสูงขึ้น ทำให้เงินเฟ้อทรุดหนัก ซึ่งคาดว่าจะดำเนินต่อไปในระยะยาว อันจะส่งผลให้นโยบายการเงินมีความเข้มงวดมากยิ่งขึ้น

...

และภายใต้สถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ต่างๆ ซึ่งรวมถึงการที่รัสเซียตัดการส่งก๊าซธรรมชาติสู่ยุโรปทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้ และการส่งออกน้ำมันของรัสเซียที่ลดลงอีก 30% อาจทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจโลกลดเหลือเพียง 2.6% ในปี 2565 และเหลือ 2% ในปี 2566 โดยที่การเติบโต้ในยุโรปและสหรัฐฯ อาจลดลงเหลือเกือบ 0% ในปีหน้า

IMF คาดอีกว่า อัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลักจะเพิ่มเป็น 6.6% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะอยู่ที่ 5.7% นอกจากนั้นเงินเฟ้ออาจอยู่ในระดับสูงนานกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ส่วนอัตราเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา คาดว่าจะไปแตะที่ 9.5% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดไว้ที่ 8.7%

สำหรับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ IMF คาดว่า พวกเขาจะเติบโต 2.3% ในปีนี้ และ 1.0% ในปี 2566 IMF ยังลดแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนลงอย่างมาก จาก 4.4% ที่คาดไว้เมื่อเดือนเมษายนเหลือเพียง 3.3% อ้างการระบาดของโควิด-19 และการล็อกดาวน์เมืองใหญ่ ซึ่งกระทบต่อการผลิตและห่วงโซ่อุปทานโลก

ส่วนรัสเซีย IMF คาดว่าเศรษฐกิจของพวกเขาจะถดถอยลง 6.0% ปี 2565 เพราะการคว่ำบาตรทางการเงินและพลังงานของชาติตะวันตก และจะลดลงอีก 3.5% ในปี 2566 ขณะที่เศรษฐกิจของยูเครนจะถดถอยราว 45% เนื่องจากสงคราม แต่อาจเปลี่ยนแปลงได้อีกเนื่องจากมีความไม่แน่นอนสูงมาก.