สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เปิดเผยว่า สงครามกลางเมืองในซีเรียที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2554 คร่าชีวิตพลเรือนไปแล้วมากกว่า 300,000 คน
นางมิเชล บาเชเล ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ กล่าวว่า ข้อมูลการวิเคราะห์ล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนถึงความร้ายแรงและระดับของความขัดแย้งในซีเรีย ข้อมูลจากรายงานระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิตระหว่างวันที่ 1 มีนาคม 2554 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2564 จำนวนทั้งสิ้น 306,887 ราย
ตัวเลขนี้ครอบคลุมเฉพาะพลเรือนที่เสียชีวิตจากการรบโดยตรง ไม่รวมทหารและผู้ก่อความไม่สงบ ซึ่งเชื่อว่ามีจำนวนหลายหมื่นคน ผู้เสียชีวิตเพราะความอดอยาก หรือไม่ได้รับบริการสาธารณสุข และผู้เสียชีวิตที่ไม่ใช่พลเรือน รวมถึงผู้เสียชีวิตที่ครอบครัวประกอบพิธีฝังศพโดยไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ สาเหตุหลักเกิดจากอาวุธหลากหลายประเภท มีทั้งการปะทะกัน การซุ่มโจมตี และการสังหารหมู่ สาเหตุรองเกิดจากอาวุธหนัก
สงครามกลางเมืองในซีเรียเริ่มต้นจากการประท้วงอย่างสันติต่อต้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ที่ปกครองประเทศมาอย่างยาวนาน ในหลายพื้นที่ของประเทศ เมื่อเดือนมีนาคม 2554 เพื่อเรียกร้องการปฏิรูปประชาธิปไตยจากกระแสอาหรับสปริง ที่เกิดขึ้นในประเทศต่างๆ เช่น อียิปต์, ตูนิเซีย, เยเมน, ลิเบีย และบาห์เรน
อย่างไรก็ตาม การประท้วงได้บานปลายกลายเป็นความขัดแย้งยืดเยื้อโดยมีประเทศมหาอำนาจเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การสู้รบแนวหน้าส่วนใหญ่หยุดนิ่งมาหลายปี แต่ความรุนแรงยังคงดำเนินอยู่ และเกิดวิกฤติด้านมนุษยธรรมกับผู้พลัดถิ่นในประเทศหลายล้านคน.
ที่มา: OHCHR