• แบล็กเดธ หรือ กาฬโรคต่อมน้ำเหลือง ระบาดในทั่วทวีปยูเรเซีย, แอฟริกาเหนือ เอเชียตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยล้านคนช่วงทศวรรษที่ 14 ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยล้านคน

  • จุดเริ่มต้นการระบาดของแบล็กเดธเป็นที่ถกเถียงมานาน แต่ทีมนักวิจัยในอังกฤษและเยอรมนีเชื่อว่า พวกเขาไขปริศนาอายุกว่า 700 ปีข้อนี้ได้แล้ว

  • แม้ว่าการระบาดของแบล็กเดธจะทำให้มีผู้เสียชีวิตมากมาย แต่มันก็เปลี่ยนแปลงรากฐานทางเศรษฐกิจ, สังคม และวัฒนธรรมมากมายในยุโรป รวมถึงนำไปสู่โลกาภิวัตน์ที่ทำให้โลกของเราเป็นอย่างปัจจุบันนี้

แบล็กเดธ (Black Death) หรือการระบาดของกาฬโรคในยุคศตวรรษที่ 14 เป็นหนึ่งในเหตุการณ์โรคระบาดที่คร่าชีวิตผู้คนมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ มันแพร่กระจายไปทั่วทวีปยูเรเซีย, แอฟริกาเหนือ เอเชียตะวันออกกลาง และเอเชียกลาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับร้อยล้านคน

การระบาดในครั้งนี้ นำมาซึ่งการสิ้นสุดของยุโรปยุคกลาง ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงรากฐานทางเศรษฐกิจ, สังคม และวัฒนธรรมมากมายในยุโรป แต่มีคำถามหนึ่งที่เป็นข้อถกเถียงกันมาอย่างยาวนานก็คือ จุดเริ่มต้นของการระบาดอยู่ที่ไหน? โดยหลายทฤษฎีเชื่อว่า มันเริ่มต้นในเอเชียกลางหรือเอเชียตะวันออก

แต่ล่าสุดทีมนักวิจัยในอังกฤษและเยอรมนีค้นพบหลักฐานจากดีเอ็นเอ ที่ทำให้พวกเขาเชื่อว่า รู้ต้นตอของการระบาดที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดในโลกครั้งนี้แล้ว

...

แบล็กเดธ คืออะไร?

แบล็กเดธ หรือว่า “กาฬมรณะ” คือการระบาดเป็นวงกว้างครั้งที่ 2 ของกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง (bubonic plague) และเป็นการระบาดที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ โดยสืบทอดมาจากการระบาดครั้งโบราณที่กรุงโรม ช่วงศตวรรษที่ 541-549 ในยุคการปกครองของจักรพรรดิยุสตินิอานุส ของจักรวรรดิไบแซนไทน์

กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองมีสาเหตุจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่เรียกว่า Yersinia pestis ซึ่งแฝงตัวอยู่ในสัตว์ฟันแทะในภูมิภาคเอเชียกลางมายาวนานหลายศตวรรษ กระทั่ง ณ จุดหนึ่งในช่วงต้นทศวรรษที่ 1300 มันก็กลายพันธุ์กลายเป็นเชื้อมรณะที่มีโอกาสติดต่อสู่คนสูงมาก

ในเวลาเดียวกันนั้นเอง แบคทีเรียกลายพันธุ์ตัวนี้ก็เริ่มแพร่กระจายไปทั่วโลก จากเอเชียกลางไปยังจีน และไปถึงภูมิภาคทะเลดำในช่วงปลายทศวรรษที่ 1340 ก่อนจะเข้าเล่นงานเอเชียตะวันออกกลางและยุโรประหว่างปี 1347-1354 และเมื่อการระบาดจบลง มันคร่าชีวิตชาวยุโรปไป 30-60% ขณะที่จีนกับอินเดียก็เสียหายหนักไม่แพ้กัน และว่ากันว่า มันทำให้ประชากรโลกในตอนนั้นลดลงไปร่วม 100 ล้านคน

คำว่าแบล็กเดธ เริ่มถูกใช้อย่างแพร่หลายเพื่อเรียกการระบาดครั้งนี้ในช่วงทศวรรษที่ 1750 สื่อถึงอาการขั้นสุดท้ายของผู้ป่วยที่ร่างกายจะกลายเป็นสีดำเพราะมีเลือดออกใต้ผิวหนังชั้นหนังกำพร้า และยังมีความนัยสื่อถึง ความน่าสะพรึงกลับของโรคมรณะชนิดนี้ด้วย

ต้นตอการระบาดของแบล็กเดธ

จุดกำเนิดการระบาดของแบล็กเดธเป็นที่ถกเถียงกันมาตลอด ระบาดเป็นวงกว้างอาจเริ่มขึ้นในเอเชียกลางหรือเอเชียตะวันออกก่อน แต่ที่แน่นอนคือมันมาถึงไครเมียเมื่อปี 1347 และจากที่นั่นเชื่อว่าเชื้ออาศัยตัวหมัดบนหนูดำ เดินทางไปกับเรือของชาวเจนัว กระจายผ่านลุ่มน้ำเมดิเตอร์เรเนียนไปถึงแอฟริกาเหนือ, เอเชียตะวันตก และไปทั่วยุโรปผ่านคอนสแตนติโนเปิล, ซิซิลี และคาบสมุทรอิตาลี

มีหลักฐานด้วยว่า แบล็กเดธติดต่อสู่คนครั้งแรกจากการสัมผัสกับสัตว์ฟันแทะโดยตรง จากนั้นจึงแพร่สู่เห็บและเหาบนหัวคน ซึ่งทำให้สามารถอธิบายได้ว่า เหตุใดเชื้อมรณะตัวนี้จึงเดินทางผ่านเส้นทางการค้าไปทั่วภูมิภาคยูเรเซียและแอฟริกาใต้ทะเลทรายซาฮาราได้อย่างรวดเร็ว

และล่าสุดเมื่อวันพุธที่ 15 มิ.ย 2565 ทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยสเตอร์ลิง ในสกอตแลนด์ และสถาบัน มักซ์ พลังค์ (Max Planck) กับมหาวิทยาลัย ทือบิงเงิน ในเยอรมนี ก็ออกมาเปิดเผยว่า พวกเขาเชื่อว่าค้นพบจุดที่อาจเป็นต้นตอการระบาดของแบล็กเดธแล้ว โดยมันเริ่มที่คีร์กีซสถาน ในเอเชียกลางช่วงทศวรรษที่ 1330

พวกเขาได้สมมติฐานดังกล่าวจากการวิเคราะห์ตัวอย่างดีเอ็นเอโบราณ จากฟันของโครงกระดูกในสุสานหลายแห่งใกล้ทะเลสาบ อิสซิค คุล (Issyk Kul) โดยเลือกพื้นที่แห่งนี้เพราะพบหลักฐานการฝังศพที่พุ่งพรวดขึ้นระหว่างปี 1338-1339 และสาเหตุที่ใช้ฟันก็เพราะมีเส้นเลือดมาก เพิ่มโอกาสที่นักวิจัยจะตรวจพบโรคเกี่ยวกับเลือดที่อาจทำให้คนผู้นำเสียชีวิต

ตามการเปิดเผยของ ดร.มาเรีย ชไปรู จาก ม.ทือบิงเงิน ทีมนักวิจัยนำตัวอย่างดีเอ็นเอมาจากโครงกระดูก 7 ร่าง และพบแบคทีเรีย Yersinia pestis จากตัวอย่าง 3 ร่าง ขณะที่ ดร.ฟิลิป สลาวิน จาก ม.สเตอร์ลิง กล่าวว่า การค้นพบครั้งนี้เป็นการตอบหนึ่งในคำถามที่ใหญ่ที่สุดและหลงใหลที่สุด ค้นพบว่าการระบาดที่คร่าชีวิตคนมากมายนี้เริ่มขึ้นที่ไหนและเมื่อไร

อย่างไรก็ตาม การวิจัยครั้งนี้มีข้อจำกัดหลายอย่าง รวมถึงตัวอย่างที่มีจำนวนน้อย โดย ดร.ไมเคิล แนปป์ จากมหาวิทยาลัยโอตาโก ในนิวซีแลนด์ ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับงานวิจัยชิ้นนี้ ออกมาชื่นชมว่าการค้นพบดังกล่าวมีคุณค่ามาก แต่ยังจำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมทั้งในแง่ บุคคล, เวลา และสถานที่มากกว่านี้ เพื่อความชัดเจน

...

แบล็กเดธเปลี่ยนโลก

การระบาดของแบล็กเดธเปลี่ยนแปลงรากฐานทางเศรษฐกิจ, สังคม และวัฒนธรรมมากมายในยุโรป ที่เริ่มเกือบจะในทันทีคือ มันทำให้ความเชื่อในศาสนาคริสต์รุนแรงขึ้น ก่อกำเนิดแนวคิดเรื่องวันสิ้นโลกในหมู่ลัทธิสุดโต่งที่พยายามท้าทายอำนาจนักบวชคริสต์ และทำให้เกิดการสังหารหมู่ชาวยิวในยุโรป

ความเชื่อทางศาสนาที่เพิ่มขึ้นส่งผลกระทบต่อสถาบันต่างๆ เป็นวงกว้าง ด้วยการเสียชีวิตจำนวนมากของเหล่านักบวชกอปรกับความกลัวที่จะส่งนักเรียนเดินทางไกลไปเรียน ทำให้วิทยาลัยตามหลักความเชื่อทางศาสนาแห่งใหม่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กลายเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ใหม่ สั่นสะเทือนการรวมศูนย์ของศาสนาคริสต์ในยุคกลาง ในขณะที่การตระหนักถึงความเป็นชาติกลับเพิ่มสูง จนนำไปสู่การปฏิรูปที่แบ่งแยกศาสนาคริสต์ในศตวรรษที่ 16

หายนะครั้งนี้ยังเปิดทิศทางใหม่ๆ ให้แก่วงการแพทย์ หมอที่มักต้องป่วยระหว่างศึกษากาฬโรคด้วยประสบการณ์ตรงเริ่มประท้วงหลักการแพทย์แบบเก่า แบล็กเดธทำให้ชัดเจนว่า การเจ็บป่วยไม่ได้เกิดจากการเรียกตัวของกลุ่มดาวตามความเชื่อโบราณ แต่เกิดจากเชื้อโรค พวกเขาจึงเริ่มแสวงหาความรู้ที่ได้จากการทดลองไม่ใช่ทฤษฎี ซึ่งเป็นการหยั่งรากการปฏิวัติวิทยาศาสตร์ในอนาคต

แนวคิดประสบการณ์นิยมที่เกิดขึ้นใหม่นี้เองที่ทำให้เกิดการกักกันเพื่อควบคุมโรค ขึ้นเป็นครั้งแรกที่ท่าเรือรากุสซา บนเกาะซิซิลี ในปี 1377 และหลังจากทศวรรษที่ 1460 เป็นต้นไป การกักกันก็กลายเป็นสิ่งที่พบได้ทั่วไปในยุโรปเมดิเตอร์เรเนียน

...

ภาพวาดการลุกฮือประท้วงของประชาชนในอังกฤษเมื่อปี 1381
ภาพวาดการลุกฮือประท้วงของประชาชนในอังกฤษเมื่อปี 1381



ในด้านสังคม คนธรรมดาผู้รอดชีวิตจากแบล็กเดธเริ่มไขว่คว้าโอกาสครั้งใหม่จากที่ดินที่ว่างเปล่า ด้วยค่าแรงที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งบรรดาผู้ปกครองดินแดนหรือเจ้าของที่ดินยอมจ่ายเพื่อเพิ่มจำนวนแรงงานที่ลดลงมากให้กลับมา

นักประวัติศาสตร์คนดังชาวฝรั่งเศสอย่าง มอร์ก บล็อช เชื่อว่า สังคมยุคกลางในยุโรปเริ่มพังทลายในช่วงเวลานี้ เนื่องจากระบบรายได้ที่ไหลจากชนชั้นแรงงานยากจนไปสู่ตระกูลชนชั้นสูงอย่างแน่นอนนั้นสิ้นสุดลงด้วยจำนวนประชากรที่ลดลงเพราะโรคระบาด ขณะที่คนจนเริ่มลุกฮือขึ้นต่อต้านชนชั้นสูง ทำให้เกิดสงครามชิงทรัพยากรในช่วงปลายของยุคกลาง ซึ่งเหล่าชนชั้นสูงหันมาใช้วิธีปล้นสะดมแทนที่ค่าเช่าที่ที่หายไป

การระบาดของแบล็กเดธยังทำลายเส้นทางการค้ายุคโบราณ ที่ใช้เพื่อนำเครื่องเทศและสิ่งทอชั้นดีจากตะวันออกมาสู่ยุโรปจนยับเยิน ยุติส่งที่เรียกว่า ระบบโลกยุคกลาง (Medieval World System) ระหว่างจีน, อินเดีย และภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียน

ในช่วงทศวรรษที่ 1460 โปรตุเกสซึ่งถูกดีดออกมาจากการทำสงครามแช่งชิงทรัพยากรในยุโรป เริ่มค้นหาเส้นทางใหม่สู่ตะวันออก ด้วยการมุ่งการสำรวจลงใต้ตามแนวชายฝั่งแอฟริกา เป็นจุดเริ่มต้นการโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ ซึ่งนำไปสู่การค้นพบทวีปอเมริกาโดยคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ในปี 1942 และกลายเป็นรากฐานของโลกในยุคปัจจุบันนี้





ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี

ที่มา : bbcoriginsnature

...