ผู้นำประเทศฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี และโรมาเนีย เดินทางเยือนกรุงเคียฟ เพื่อแสดงการสนับสนุนยูเครนในการร่วมเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป และว่าควรให้สถานะชาติแคนดิเดตในทันที

สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 16 มิ.ย. 2565 ประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครงแห่งฝรั่งเศส, นายโอลาฟ ชอลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี, นายมาริโอ ดรากี นายกรัฐมนตรีอิตาลี และนายเคลาส์ โยฮานนิส ประธานาธิบดีโรมาเนีย เดินทางเยือนกรุงเคียฟเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น เพื่อแสดงความเป็นหนึ่งเกี่ยวกับยูเครน

เหล่าผู้นำได้เข้าพบประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี และกล่าวสนับสนุนเรื่องที่ยูเครนขอสมัครเป็นสมาชิกสหภาพยุโรป และว่า EU ควรให้สถานะ ‘ประเทศผู้สมัคร’ หรือ แคนดิเดต แก่ยูเครนในทันที โดยนายชอลซ์ กล่าวว่า “ยูเครนเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวยุโรป”

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเยอรมนีเสริมด้วยว่า ยูเครนยังต้องทำตามเกณฑ์ที่พวกเขากำหนดไว้เพื่อเป็นเข้าสมาชิก ขณะที่ประธานาธิบดีมาครง ย้ำว่า ชาติสมาชิก EU ทั้ง 27 ประเทศจะยืนหยัดอยู่ข้างยูเครนจนกว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะเหนือรัสเซีย

ด้านนายเซเลนสกีกล่าวว่า ความสามัคคีคืออาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการต่อสู้กับรัสเซีย และเรียกร้องอีกครั้ง ขอให้ชาติพันธมิตรส่งอาวุธหนักมาให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันตนเอง และปลดปล่อยดินแดนที่ถูกมอสโกยึดครอง

ทั้งนี้ การเดินทางเยือนกรุงเคียฟของผู้นำชาติยุโรปทั้ง 4 คน เกิดขึ้นในขณะที่กองทัพรัสเซียยังคงระดมโจมตีเมืองเซเวโรโดเนตสก์ ทางตะวันออกของยูเครน ซึ่งการยึดเมืองนี้และเมืองคู่แฝดอย่าง ลิซิคานสก์ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ คือเป้าหมายสูงสุดของรัสเซียใยตอนนี้ เพื่อที่พวกเขาได้ควบคุมพื้นที่ของแคว้นลูฮานสก์ทั้งหมด

...

การเดินทางเยือนยังเกิดขึ้นเพียง 1 วันก่อนที่คณะกรรมาธิการยุโรป จะออกคำแนะนำเกี่ยวกับการให้สถานะประเทศผู้สมัครแก่ยูเครน ก่อนที่ชาติสมาชิกทั้ง 27 ประเทศจะร่วมอภิปรายในประเด็นนี้ ที่การประชุมสุดยอดระหว่างวันที่ 23-24 มิ.ย.

แต่การได้สถานะ ประเทศผู้สมัคร ก็เป็นเพียงก้าวแรกสู่การเป็นสมาชิกเต็มตัวเท่านั้น ซึ่งตามปกติแล้วกระบวนการนี้จะใช้เวลานานหลายปี เช่นตุรกีได้สถานะแคนดิเดตตั้งแต่ปี 2542 แต่จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังไม่ได้เป็นสมาชิก EU เต็มตัว