ออสเตรเลียโวยว่าเครื่องบินขับไล่ J-16 ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนบินเข้ามาในระยะประชิดกับเครื่องบินสอดแนม พี-8 โพกไซดอน ของกองทัพอากาศออสเตรเลีย เรื่องนี้ไม่ใช่ธรรมดาเพราะแม้แต่นายอัลบานีส นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียก็ยังออกมาตะโกนบอกโลกว่า เครื่องบินจีนมีการกระทำเป็นอันตราย ทางจีนก็ไม่ลดละ กระทรวงการต่างประเทศจีนบอกว่า เครื่องบินกองทัพออสเตรเลียมีเจตนาก่อกวนด้วยการเข้ามาใกล้หมู่เกาะพาราเซลในทะเลจีนใต้
ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน เครื่องบินออสเตรเลียก็เผชิญกับเรือรบ 2 ลำของจีนในบริเวณเขตต่อเนื่องทางทะเล ออสเตรเลียออกมากล่าวหาว่าเรือรบจีนก่อกวนด้วยการยิงเลเซอร์ รัฐบาลจีนก็ตอบโต้ว่าออสเตรเลียพูดความจริงครึ่งเดียว ความขัดแย้งอย่างนี้เกิดถี่ขึ้น ตอนนี้ต่างฝ่ายต่างหาเสียงกับประเทศในภูมิภาคอินโดจีนแปซิฟิก ทั้งจีนและออสเตรเลียซึ่งเป็นตัวแทนสหรัฐฯและฝ่ายตะวันตกพยายามชี้ให้เห็นว่า อีกฝ่ายหนึ่งเป็นตัวละครร้าย
ประเทศใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คืออินโดนีเซีย เมื่อวาน ผมเขียนถึงนโยบายของอินโดนีเซียที่มีต่อจีน วันนี้ขออนุญาตมารับใช้เรื่องอินโดนีเซียกับสหรัฐฯบ้าง ในปีแรกที่ได้เป็นประธานาธิบดี โจโกวีไปเยือนจีนถึง 5 ครั้ง ทั้งแบบเป็นทางการและไม่เป็นทางการ จนความสัมพันธ์ของอินโดนีเซียกับจีนดีเลิศประเสริฐมาก ขณะเดียวกัน โจโกวีก็ไปเยือนสหรัฐฯและลงนามบันทึกความเข้าใจในการร่วมมือทางทะเล โจโกวีมีเป้าหมายชัดเจนโดยไม่ได้ปิดบังใคร คือแกต้องการให้อินโดนีเซียเป็นมหาอำนาจทางทะเลและน่านน้ำ
ประธานาธิบดีโจโกวีของอินโดนีเซียฉลาด แกคบกับทั้งจีนและสหรัฐฯ เมื่อสหรัฐฯเข้ามายุ่มย่ามในภูมิภาค อินโดนีเซียก็แสดงความไม่เห็นด้วยอย่างตรงไปตรงมา ค.ศ.2017 เมื่อสหรัฐฯส่งกองกำลังทหารมากกว่า 2.5 หมื่นนายไปไว้ที่ฐานทัพที่เมืองดาร์วิน อินโดนีเซียก็แสดงความวิตกกังวลทันทีว่าการขยายตัวของสหรัฐฯจะนำไปสู่ความขัดแย้งในภูมิภาคระหว่าง 2 มหาอำนาจ
...
ญี่ปุ่นเป็นคอหอยลูกกระเดือกกับสหรัฐฯบางคนถึงกับเขียนว่าญี่ปุ่นคือเครื่องมือของสหรัฐฯที่จะใช้ควบคุมภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก เดิมญี่ปุ่นลงทุนในอินโดนีเซียมากเป็นอันดับ 1 แต่ตอนนี้กลายเป็นจีน โจโกวีให้สัมปทานบริษัทญี่ปุ่นสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงจากกรุงจาการ์ตาไปยังสุราบายามูลค่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ที่เดิมใช้เวลา 10 ชั่วโมง ต่อไปนี้การเดินทางใช้เวลาเหลือเพียง 3 ชั่วโมง ญี่ปุ่นยังมีส่วนสำคัญในการสร้างรถไฟใต้ดินจาการ์ตา แม้โจโกวีทุ่มน้ำหนักความสำคัญไปที่จีน แต่ก็ไม่ทิ้งญี่ปุ่น
รัฐบาลอินโดนีเซียบาลานซ์อำนาจด้านความมั่นคงในน่านน้ำเอเชียแปซิฟิกด้วยการซื้อเครื่องบินของญี่ปุ่นมาใช้ลาดตระเวน ผมเคยเรียนรับใช้ไปแล้วว่าจีนกับอินโดนีเซียมีพื้นที่พิพาทแถวหมู่เกาะนาทูนา รัฐบาลอินโดนีเซียกับญี่ปุ่นก็ลงนามร่วมกันเพื่อสร้างความมั่นคงในน่านน้ำ พัฒนาหมู่เกาะรอบนอกอินโดนีเซีย รวมทั้งหมู่เกาะนาทูนาด้วย แถมรัฐบาลอินโดนีเซียยังผลักดันการลงทุนของบริษัทญี่ปุ่นในการพัฒนาโครงการท่าเรือปาติมบัง นี่เป็นการรักษาสมดุลในการสร้างความสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ของประธานาธิบดีโจโกวี
สำหรับอินเดีย โจโกวีก็สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างแน่นแฟ้น การค้าระหว่างอินโดนีเซียกับอินเดียในแต่ละปีสูงเกือบถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่จีนยังปิดประเทศ นักท่องเที่ยวจีนออกมาเที่ยวอินโดนีเซียไม่ได้ อินโดนีเซียก็ได้เงินจากนักท่องเที่ยวอินเดียแทน ผู้อ่านท่านคงทราบนะครับว่าอินเดียกับจีนมีปัญหากันเรื่องพรมแดน โจโกวีก็ดึงอินเดียเข้ามามีส่วนในการรักษาความสงบและสันติภาพในน่านน้ำ ทหารอินโดนีเซียและอินเดียร่วมมือกันลาดตระเวนตามแนวเขตแดนทางทะเลระหว่างประเทศจนถึงปัจจุบัน การดึงอินเดียเข้ามาลาดตระเวนร่วมทำให้จีนตระหนักว่าอินโดนีเซียเป็นเพื่อน ไม่ใช่ลูกน้อง หรือลูกไล่
ขณะที่กัมพูชาทุ่มความสัมพันธ์กับจีนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตูโดยไม่เหลือใจไว้ให้มหาอำนาจอื่น แม้แต่บางประเทศในกลุ่มอาเซียนก็เดินความสัมพันธ์กับมหาอำนาจแต่ละประเทศอย่างเก้ๆ กังๆ เบ๊อะๆ บ๊ะๆ อยากให้ผู้อ่านท่านชำเลืองดูอินโดนีเซีย ประเทศนี้เดินความสัมพันธ์ได้ดีพอสมควรครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com