พรรคเลเบอร์คว้าชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไป หยุดการปกครองของรัฐบาลอนุรักษนิยม-เสรีนิยมไว้ที่ 9 ปี ขณะที่นายแอนโทนี อัลบาเนซี จ่อเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ของประเทศ

สำนักข่าว เอพี รายงานว่า ผลเบื้องต้นในการเลือกตั้งทั่วไปของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ 21 พ.ค. 2565 ชี้ว่า พรรคเลเบอร์ คว้าชัยเหนือพันธมิตรพรรคอนุรักษนิยม-เสรีนิยมได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี โดยนายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน ออกมายอมรับความพ่ายแพ้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินทางไปร่วมประชุมสุดยอดที่กรุงโตเกียว

ด้านนาย แอนโทนี อัลบาเนซี หัวหน้าพรรคเลเบอร์ และว่าที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ประกาศชัยชนะต่อหน้าผู้สนับสนุนที่นครซิดนีย์เมื่อคืนวันเสาร์ “คืนนี้ชาวออสเตรเลียโหวตเลือกความเปลี่ยนแปลง” “เมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา สกอตต์ มอร์ริสันโทรศัพท์มาหาผมเพื่อแสดงความยินดีกับผมและพรรคเลเบอร์สำหรับชัยชนะของเราในการเลือกตั้งครั้งนี้” เขายังให้คำมั่นด้วยว่า จะออกมาตรการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมาก

ทั้งนี้ นายอัลบาเนซีจะสาบานตนเป็นผู้นำออสเตรเลียคนใหม่ในวันที่ 23 พ.ค. โดยผลการนับคะแนนเบื้องต้นชี้ว่า พรรคเลเบอร์ของเขา ได้เก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 72 ที่นั่งจากทั้งหมด 151 ที่นั่ง ขาดเพียง 4 ที่เท่านั้นก็จะได้ครองเสียงข้างมาก ขณะที่กลุ่มพันธมิตรนำโดยพรรคเสรีนิยมของนายกรัฐมนตรี สกอตต์ มอร์ริสัน ได้ไปเพียง 21 ที่นั่ง ส่วน 10 ที่นั่งเป็นของพรรคอื่น และอีก 18 ที่นั่งยังตัดสินไม่ได้

พรรคกรีนและพรรคอิสระได้ส่วนแบ่งในสภาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะพรรคกรีนซึ่งได้เก้าอี้ ส.ส.เพิ่มจาก 1 เป็น 3 ที่นั่ง เนื่องจากประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ชาวออสเตรเลียกำลังให้ความสำคัญ และคาดกันว่า พรรคกรีนจะให้การสนับสนุนพรรคเลเบอร์ หากพวกเขามี ส.ส.ไม่พอครองเสียงข้างมากในสภา

...

พรรคเลเบอร์วางแผนจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศลงถึง 43% ภายในปี 2573 และลดการปล่อยเป็นศูนย์ภายในปี 2593 พวกเขายังสัญญาเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ ด้านนโยบายต่างประเทศ พวกเขาเสนอให้ก่อตั้งโรงเรียนฝึกทหารในเปซิฟิก เพื่อฝึกฝนกองทัพของประเทศข้างเคียง เพื่อตอบสนองต่อความเป็นไปได้ที่จีนจะส่งทหารมาประจำการที่หมู่เกาะโซโลมอน ซึ่งอยู่ใกล้กับออสเตรเลีย