ศาลรัฐบาลกลางรัฐฟลอริดาสั่งยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 บนเครื่องบินและขนส่งสาธารณะอื่นๆ ที่ซีดีซีบังคับใช้ โดยให้เหตุผลว่า ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สำนักข่าว บีบีซี รายงานว่า ผู้พิพากษาศาลแขวง แคทรีน คิมบอล ไมเซลล์ ในรัฐฟลอริดา ออกคำสั่งในวันที่ 18 เม.ย. 2565 ให้ยกเลิกมาตรการบังคับสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 บนเครื่องบินและขนส่งสาธารณะอื่นๆ ที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) บังคับใช้ โดยระบุว่า หน่วยงานสาธารณสุขแห่งชาติแห่งนี้ ใช้อำนาจมากเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต
ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากเมื่อสัปดาห์ก่อน CDC ตัดสินใจขยายการบังคับสวมหน้ากากออกไปจนถึงวันที่ 3 พ.ค. แต่ศาลรัฐบาลกลางสามารถออกคำสั่งให้ระงับมาตรการของรัฐบาลได้ทั่วประเทศ และคำสั่งของผู้พิพากษาไมเซลล์ จึงเป็นการยกเลิกข้อกำหนดเรื่องการสวมหน้ากากของสนามบิน, รถไฟ, แท็กซี่ และศูนย์กลางการขนส่งทั้งหมด
นางเจน ซากี โฆษกทำเนียบขาว ออกแถลงการณ์ระบุว่า การตัดสินใจของผู้พิพากษาในครั้งนี้นั้น น่าผิดหวัง และย้ำว่า CDC ยังคงแนะนำให้ผู้เดินทางสวมหน้าการปิดปากปิดจมูกเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ต่อไป
ทั้งนี้ คำร้องขอให้ยกเลิกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากขณะใช้บริการขนส่งสาธารณะ ถูกยื่นต่อศาลตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 แล้ว ด้วยฝีมือของกลุ่มอนุรักษ์นิยมชื่อว่า “กองทุนปกป้องเสรีภาพสุขภาพ” (HFDF) กับชาวฟลอริดาอีก 2 คน ที่ระบุว่า การสวมหน้ากากเพิ่มความไม่สบายใจและโรควิตกกังวล (panic attack) ของพวกเขา
คำร้องยังระบุว่า คำสั่งของ CDC เป็นการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จและตามอำเภอใจ เพราะเป็นคำสั่งที่ให้ข้อยกเว้นแก่คนบางกลุ่ม เช่น เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี แต่ไม่ให้คนกลุ่มอื่นๆ
...
ในคำตัดสินของ ผู้พิพากษาไมเซลล์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งโดยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เธอพบว่า CDC ทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า “การยกเว้นในทางที่ดี” (good cause exception) อย่างไม่เหมาะสม ทำให้หน่วยงานสามารถข้ามขั้นตอนการแจ้งและแสดงความเห็นถึงมาตรการดังกล่าวต่อสาธารณะ เธอจึงตัดสินให้มาตรการนี้ผิดกฎหมาย เนื่องจากระบบกฎหมายของสหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้หน่วยงานใดทำผิดกฎหมาย แม้จะทำเพื่อผลลัพธ์ที่ดีก็ตาม
อนึ่ง CDC เริ่มบังคับสวมหน้ากากขณะเดินทางครั้งแรกในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ซึ่งนับแต่นั้นเป็นต้นมา มีรายงานผู้โดยสารละเมิดกฎระเบียบมากกว่า 7,000 ครั้ง โดย 70% เกี่ยวข้องกับคำสั่งสวมหน้ากาก