ผู้นำยูเครนเผย ทั้งประเทศกลายเป็นแนวหน้าของสงครามไปแล้ว ขณะที่ทหารของพวกเขาเสียชีวิตกว่า 1,300 นาย เขายังตำหนิชาตินาโต ที่ไม่กล้ากำหนดเขตห้ามบินเหนือยูเครนด้วย

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ออกแถลงข่าวในวันเสาร์ที่ 12 มี.ค. 2565 ระบุว่า ตอนนี้ทั้งประเทศได้กลายเป็นแนวหน้าของสนามรบไปแล้ว ในขณะที่เมืองเล็กๆ หลายเมืองไม่มีอยู่อีกต่อไป แต่สงครามที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศรวมเป็นหนึ่งเดียวกันมากกว่าที่เคยเป็นมา

“สงครามครั้งนี้ซึ่งเป็นสงครามที่ยากลำบาก ทำให้ชาติของเราสามัคคีกันอย่างแท้จริง คุณถามผมว่าสถานการณ์เป็นอย่างไรในแนวหน้า ...ตอนนี้แนวหน้าอยู่ทุกหนทุกแห่ง” เซเลนสกีกล่าว “เมืองเล็กๆ 2-3 เมืองไม่มีอยู่อีกต่อไป นี่เป็นโศกนาฏกรรม เมืองหายไปผู้คนก็หายไปด้วย พวกเขาจากไปตลอดกาล ดังนั้นเราทุกคนกำลังอยู่ในแนวหน้า ผู้คนที่ตายที่นั่น พวกเขาตายท่ามกลางพวกเรา”

ผู้นำยูเครนเผยอีกว่า พวกเขาเสียทหารไปแล้วประมาณ 1,300 นาย นับตั้งแต่สงครามเริ่มขึ้นจนถึงวันเสาร์ และกล่าวย้ำด้วยว่า การเจรจาเพื่อยุติการรุกรานของรัสเซีย ต้องเริ่มต้นจากการหยุดยิงก่อน “ทูตของเรากำลังเตรียมรายละเอียดประเด็นที่จะพูดในการเจรจาระหว่างผู้แทนยูเครนกับรัสเซียที่อาจเกิดขึ้น”

“ผมอยากให้มันเกิดขึ้น เพื่อที่เราจะได้สามารถเริ่มกระบวนการแก้ปัญหา, สร้างสันติ และจบสงครามจริงๆ ไม่ใช่แค่คำพูด นั่นคือวิธียุติสงครามเกิดขึ้นในโลกศิวิไลซ์” เซเลนสกีกล่าวต่อว่า ผู้แทนเจรจาของยูเครนกับรัสเซีย เริ่มการพูดคุยกันแทนที่จะเป็นการยื่นคำขาด ซึ่งเขาพอใจในสัญญาณที่ฝ่ายรัสเซียส่งมา และหวังว่าการทูตจะช่วยนำสันติภาพมาได้

...

เซเลนสกีกล่าวอีกว่า พันธมิตรตะวันตกจำเป็นต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการเจรจามากขึ้น และรับประกันความปลอดภัยแก่ยูเครน เนื่องจากยูเครนไม่สามารถเชื่อใจรัสเซียได้อีกแล้ว หลังจากเกิดสงครามนองเลือดครั้งนี้

เขายังโจมตีองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ที่ไม่กำหนดเขตห้ามบินเหนือน่านฟ้ายูเครน ระบุว่า ชาติสมาชิกนาโตขาดความกล้าที่จะก้าวออกมาร่วมกันเพื่อยูเครน และไม่มีการรับประกันด้วยว่ายูเครนจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโตหรือไม่ เซเลนสกีย้ำว่า ยูเครนรู้สึกขอบคุณในการสนับสนุนแบบทวิภาคีที่ได้จากชาติสมาชิกนาโตบางประเทศ แต่ตอนนี้ประเทศของเขากำลังทุกข์ทรมาน.