ภาพประกอบจาก General Staff of the Armed Forces of Ukraine

มองสงครามยูเครน-รัสเซีย การสู้รบเพื่อปกป้องประเทศของยูเครน ที่ดูแล้วช่างโดดเดี่ยว แต่ไม่เดียวดาย เพราะความช่วยเหลือจากตะวันตกยังมีต่อเนื่อง ขณะที่ชาวยูเครนเองก็ยืนหยัดสู้ผู้รุกรานอย่างทรหด

กว่า 1 สัปดาห์ของสงครามยูเครน-รัสเซีย หลังจากกองทัพรัสเซียดาหน้ายาตราทัพบุกถล่มเมืองสำคัญของยูเครน หลังจากยึดภูมิภาคดอนบัสของยูเครน สาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และ สาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์ ไปเรียบร้อย กองกำลังรถถัง ปืนใหญ่อัตตาจร ยานเกราะ ทหารราบ กำลังเฮลิคอปเตอร์ ได้เข้าไปยังเมืองต่างๆ ด้วยการโจมตี 3 ทิศ ทั้งภาคตะวันออกของยูเครน ภาคเหนือจากเบลารุส และภาคใต้จากไครเมียและทะเลดำ ด้วยเป้าหมายต้องการเข้ายึดกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน

เราเห็นถึงการยิงถล่มด้วยจรวดหลายลำกล้อง ขีปนาวุธพื้นสู่พื้น ที่เป็นการยิงโจมตีทางอากาศเข้าใส่เป้าหมายทางทหารและจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ทั้งในกรุงเคียฟ เมืองคาร์คีฟ เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ การบุกยึดโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล การบุกยึดสนามบิน อันโตนอฟ ที่เมืองกลอสโตเมล ใกล้กรุงเคียฟ ที่ตั้งของบริษัท แอนโทนอฟ แอร์ไลน์ พร้อมทั้งทำลายเครื่องบินขนส่งที่ใหญ่ที่สุดในโลก แอน-225 มีร์ยา (An-225 Mriya) ลำแรกและลำเดียวที่มีบินใช้งาน ทำให้แฟนคลับคนรักเครื่องบินทั่วโลกต่างช็อกกับการสูญเสียอันใหญ่หลวง รวมทั้งตึกรามบ้านช่อง และชีวิตประชาชนชาวยูเครนที่ต้องสังเวยไปในสงครามครั้งนี้นับพันราย จากการโจมตีใส่กรุงเคียฟ และเมืองใหญ่อย่าง คาร์คีฟ มาริอูโปล และซูมี 

...

ขณะที่ฐานทัพอากาศหลายแห่งของยูเครน ถูกยิงถล่มทำลายอย่างหนัก ทำให้เครื่องบินรบถูกทำลายไปไม่น้อย แต่อย่างไรก็ตาม ทางกองทัพยูเครนก็ยังสามารถตอบโต้ผู้รุกรานได้อย่างเด็ดขาด และสร้างความเสียหายให้กองทัพรัสเซียไปไม่น้อย โดยกระทรวงกลาโหมยูเครน แจ้งข้อมูลตลอดช่วง 7 วันแรกว่า ทหารรัสเซียเสียชีวิตแล้ว 5,300 ศพ เครื่องบินถูกยิงตก 29 ลำ เฮลิคอปเตอร์ถูกยิงตก 29 ลำ และรถถังถูกทำลาย 151 คัน เป็นครั้งแรกที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียยอมรับว่ากองกำลังรัสเซียได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้มีการเผยจำนวนตัวเลขความเสียหาย

ทหารยูเครนยันกำลังทหารราบ และรถถังยานเกราะไว้ได้

นับเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายที่ทหารยูเครนสู้อย่างทรหด ในการตอบโต้กองทัพรัสเซียที่รุกคืบเข้ามาจาก 3 ทิศทาง ตลอดกว่า 10 วัน โดยเฉพาะการรบภาคพื้นที่ ที่ดูเหมือนรัสเซียจะไม่สามารถเข้าถึงเมืองหลวงอย่างกรุงเคียฟได้ง่ายนัก ยานหุ้มเกราะรถถัง จำนวนไม่น้อยถูกทำลายจากการซุ่มโจมตี ได้รับความเสียหาย จอดทั้งตามถนน ขณะที่ทหารราบก็รุกคืบเข้าเมืองได้ลำบาก ด้วยการต้านทานที่เป็นลักษณะการรบในเมือง โดยบางส่วนสู้ไปพลางถอยไปพลาง เพื่อถ่วงเวลาให้ประชาชนอพยพหนีออกจากเมือง แม้ว่ารัสเซียจะถล่มเป้าหมายทางทหารที่สำคัญไปตั้งแต่วันแรกๆ ของสงคราม ทั้งคลังอาวุธ สนามบิน ค่ายทหาร โรงงานไฟฟ้า โดยรูปการณ์แล้วกองทัพยูเครนแทบจะไม่ทันได้รับมือเลย อีกทั้งกำลังพลก็มีน้อยกว่า แต่กว่าวันที่รัสเซียยังเจาะมาถึงเมืองหลวงไม่ได้ นับว่าเป็นผลงานที่น่าชื่นชมในความกล้าหาญของกำลังทหารยูเครน

อยู่ลำพังทหารมีน้อย ประกาศขอพลอาสาฯ และนักรบต่างชาติ

ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน ออกคำสั่งให้ชายชาวยูเครนที่อายุ 18-60 ปี ห้ามออกนอกประเทศ และต้องมาเป็นพลอาสาฯ มาจับปืนเพื่อปกป้องประเทศ มีการเบิกปืนนำอาวุธมาแจกจ่ายให้ประชาชนจับอาวุธสู้ผู้รุกราน แม้จะประกาศขอการสนับสนุนจากนาโต แต่ชาติสมาชิกก็ยังไม่ยอมตัดสินใจส่งกำลังทหารเข้ามาในยูเครน ทำให้ทางยูเครนจึงประกาศขอทหารอาสาต่างชาติ ไปจัดตั้ง "กองพันระหว่างประเทศแห่งการป้องกันดินแดนของประเทศยูเครน" ไปสู้รบอีกด้วย โดยมีผู้สมัครจาก 16 ประเทศให้ความสนใจเข้าร่วมกว่าพันราย ถือว่านโยบายนี้ได้รับความสนใจจากอดีตทหารในหลายชาติสนใจเข้าร่วม แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องสิทธิประโยชน์ และโดนทางรัสเซียแจ้งเตือนดักคอเอาไว้ว่า ทหารต่างชาติหากถูกจับได้ จะไม่ถือว่าเป็นเชลยศึก 

...

อาวุธที่ได้รับจากชาติตะวันตกยังใช้งานได้ดี

อย่างไรก็ตามด้วยการให้ความช่วยเหลือก่อนหน้านี้จากชาติตะวันตก ทำให้ยูเครนยังพอมีอาวุธไว้ยันรับมือการบุกของรัสเซียได้ ทั้งเสื้อเกราะ หมวกทหาร เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังยุคใหม่ Next-generation Light Anti-tank Weapon (NLAW) และเครื่องยิงจรวดแบบ Panzerfaust 3 ของเยอรมนี จรวดต่อสู้รถถัง AT-4 ของสวีเดน และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านรถถังแจเวลิน (FGM-148 Javelin) ของสหรัฐอเมริกา ใช้จัดการยานเกราะและทหารราบได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเครื่องยิงจรวดต่อต้านรถถัง M-72 ควบคู่กับอาวุธที่มีใช้งานในประเทศ ที่ส่วนมากก็ตกทอดหลงเหลือจากสหภาพโซเวียต อย่างปืนไรเฟิลจู่โจม เอเค-47 เครื่องยิงจรวดหลายลำกล้อง นอกจากนี้ก็มีรถหุ้มเกราะ และรถถังจำนวนหนึ่ง

...

กำลังทางอากาศรัสเซียสูญเสียจากมิสไซล์ประทับบ่ายิง (MANPADS)

ตลอดการสู้รบหลายวัน ยูเครนสามารถยิงอากาศยานตกได้หลายสิบลำ ทั้งเฮลิคอปเตอร์ และเครื่องบินโจมตีที่บินระดับต่ำ หนึ่งในปัจจัยสำคัญคืออาวุธปล่อยต่อต้านอากาศยานแบบประทับบ่ายิง ที่มีใช้งานอยู่ในยูเครน อาทิ Grom/Grom-M (Piorun), 9K38 Igla, แซม-7 (SA-7) หรือ 9K32 Strela-2s และมิสไซล์สติงเกอร์ (FIM-92 Stinger) ทั้งหมดนี้นับเป็นภัยคุกคามต่อกำลังทางอากาศของรัสเซียอย่างมาก ในช่วงต้นสงคราม เฮลิคอปเตอร์กลายเป็นเป้าหมายอันโอชะของกำลังภาคพื้นดินที่ติดอาวุธประทับบ่ายิง ไม่ว่าจะเป็น ฮ.โจมตีที่ทันสมัยอย่าง Ka-52 อัลลิเกเตอร์ หรือ ฮ.ลำเลียงโจมตี Mi-35 ไฮนด์ ถูกยิงตกเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังรวมทั้ง เครื่องบินโจมตี ซู-25 ฟร็อกฟุต ที่ขึ้นชื่อเรื่องความอึดและบรรทุกระเบิดและจรวดได้เยอะ และ ซู-34 ฟูลแบ็ค ที่เป็นรุ่นใหม่ทันสมัยของรัสเซีย โดยความเสียหายที่รัสเซียได้รับประกอบด้วย เครื่องบินไอพ่น 3 ลำ (ซู-25, ซู-30 และ ซู-34) เฮลิคอปเตอร์ 6 ลำ 

...

กองทัพอากาศยูเครนยังปฏิบัติการได้ในวงจำกัด แต่ก็ได้ความช่วยเหลืออยู่บ้าง

แม้ว่าการโจมตีด้วยมิสไซล์ของรัสเซียจะสร้างความเสียหายแก่ฐานทัพอากาศและสนามบิน ทำให้เครื่องบินส่วนหนึ่งเสียหาย โดยเฉพาะซู-25 และ มิก-29 ที่จอดบนพื้นดินเสียหายหนัก 1 ลำ และ 6 ลำตามลำดับ แต่ก็ยังมีสนามบินลับอีกหลายแห่งที่ยัง สามารถส่งโดรนขึ้นบินได้ โดยยูเครนสั่งซื้อโดรนติดอาวุธ Bayraktar TB2 จากตุรกีมาใช้งาน และสร้างความเสียหายในการโจมตีใส่ หน่วยยิงมิสไซล์ต่อต้านอากาศยาน BUK จนทำลายลงได้ ขณะที่เครื่องบินขับไล่ของยูเครนก็พยายามสกัดกั้นเครื่องบินรบของรัสเซีย แต่ด้วยข้อจำกัดต่างๆ ทำให้ถูกยิงตก อาทิ เครื่องบินซู-27 ที่บินโดยอดีตนักบินรบชื่อดังที่กลับมาขับเครื่องบินเพื่อปกป้องประเทศอย่าง "หมาป่าสีเทา" ผู้พัน โอเล็กซานเดอร์ อ็อกซานเชนโก นักบินดังที่แสดงการบินด้วยซู-27 แฟลงก์เคอร์ ในงานแอร์โชว์ต่างๆ มากมาย โดยที่เครื่องบินซู-27 ของเขาถูกยิงตกเหนือกรุงเคียฟ จากมิสไซล์ต่อต้านอากาศยาน S-400 ของรัสเซีย  

นอกจากนี้ในส่วนของ แอนโทนอฟ แอร์ไลน์ สายการบินที่มีเครื่องบินลำเลียงไอพ่น สำหรับขนส่งขนาดใหญ่ แอนโทนอฟ แอน-225 มีร์ยา (Antonov An-225 Mriya) ก็ถูกการโจมตีภาคพื้นดินถล่มสนามบิน ทำให้เครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดได้รับความเสียหายจนใช้การไม่ได้ คาโรงเก็บเครื่องบินที่สนามบินกลอสโตเมล

ขณะเดียวกัน ทางยูเครนยังรอลุ้นว่า โปแลนด์ หนึ่งในสมาชิกนาโตจะส่งเครื่องบินรบ มิก-29 และซู-25 ที่ถูกสำรองไว้ให้กับทางยูเครน เพื่อแลกกับการที่สหรัฐฯ จะส่งเอฟ-16 มาให้ทดแทน แต่ความหวังก็มลายหายไป เมื่อทางโปแลนด์ยืนยันว่าไม่มีความสนใจที่จะส่งเครื่องบินรบให้ยูเครนแต่อย่างใด แต่อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้

มองสถานการณ์การสู้รบในยูเครนหลังจากนี้  

จากความสูญเสียของกองทัพรัสเซียที่เจอการต้านทานอย่างมีนัยสำคัญ ที่หยุดยั้งการเคลื่อนทัพเข้าสู่กรุงเคียฟ คาดว่าหลังจากการหยุดยิงช่วง 7-9 มี.ค. 65 รัสเซียจะเปิดฉากถล่มเมืองใหญ่ด้วยอาวุธหนักอย่างขีปนาวุธร่อนคาลิเบอร์ และขีปนาวุธพื้นสู่พื้น Iskander-M ใส่เป้าหมายสำคัญทางทหารเพิ่มเติม ควบคู่กับการส่งกำลังภาคพื้นดินเข้ายึดพื้นที่สำคัญ การนำหน่วยรบพิเศษ และทหารรับจ้าง เข้ามารับมือสงครามในเมือง ขณะที่กองทัพยูเครนก็ต้องซุ่มโจมตี และควบคุมเป็นจุดๆ ที่คาดว่ารัสเซียจะเคลื่อนทัพผ่าน คาดว่าจะเกิดความสูญเสียอย่างมหาศาลทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ก็ต้องรอผลการเจรจาสันติภาพที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะหารือร่วมกัน ว่าจะบรรลุข้อตกลง หยุดยิง ถอนกำลัง หรือวางอาวุธได้หรือไม่.  

ผู้เขียน : จุลดิส รัตนคำแปง

ที่มาข้อมูลและรูปภาพ : เฟซบุ๊กเพจ General Staff of the Armed Forces of Ukrain, เฟซบุ๊กเพจ Air Force Command of UA Armed Forces, เฟซบุ๊กเพจ defencenewsblog, เว็บไซต์ thedrive.com