ปูตินลงนามกฤษฎีกายอมรับดินแดนแยกตัวของกบฏยูเครนเป็นรัฐอิสระแล้ว โดยประกาศกร้าวว่า ยูเครนไม่เคยเป็นประเทศอย่างแท้จริง และรัสเซียคือผู้ที่สร้างยูเครนขึ้นมา
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น และ บีบีซี รายงานว่า เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ก.พ. 2565 ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ออกแถลงการณ์ถ่ายทอดสดผ่านทางโทรทัศน์ในประเทศ เรื่องวิกฤติยูเครน ก่อนที่เขาจะทำพิธีลงนามกฤษฎีกายอมรับ การแยกตัวเป็นอิสระของดินแดนที่กลุ่มกบฏในภูมิภาคดอนบาส ทางตะวันออกของยูเครน ครอบครองอยู่
แถลงการณ์ของปูตินเริ่มต้นด้วยการพูดถึงการก่อกำเนิดของยูเครนยุคโซเวียตซึ่งเขาระบุว่า ยูเครนไม่เคยมีประวัติศาสตร์ของการเป็นรัฐจริงๆ เลย “มาเริ่มต้นกันด้วยข้อเท็จจริงที่ว่า ยูเครนยุคปัจจุบันถูกสร้างขึ้นโดยรัสเซียทั้งหมด หรือพูดให้ชัดคือ โดยพรรคบอลเชวิค คอมมิวนิสต์รัสเซีย กระบวนการนี้เริ่มเกือบจะในทันทีหลังจากการปฏิวัติในปี 2460”
“จากนั้น ช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สตาลินได้ผนวกรวมดินแดนเข้าสู่สหภาพโซเวียตและมอบดินแดนบางส่วนที่เคยเป็นของโปแลนด์, โรมาเนีย และฮังการี ให้แก่ยูเครน” ปูตินกล่าว “แล้วในปี 2497 ด้วยเหตุผลบางอย่าง ครุชเชฟก็พรากไครเมียไปจากรัสเซีย และมอบให้ยูเครน นี่คือวิธีที่โซเวียตยูเครนก่อร่างขึ้นมา”
ปูตินกล่าวต่อ โดยวิพากษ์วิจารณ์อดีตผู้นำคอมมิวนิสต์ วลาดิเมียร์ เลนิน อย่างรุนแรง ระบุว่า เป็นผู้เขียนบทและสถาปนิกของยูเครน และว่าเลนินเป็นผู้ที่ทำให้รัสเซียเสียเปรียบ ปูตินบอกอีกว่า รัสเซียถูกปล้นตอนที่สหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 2534 จากนั้น ปูตินหันมาโจมตีทางการยูเครนในปัจจุบัน กล่าวหาโดยไม่ระบุหลักฐานว่า รัฐบาลยูเครนคอร์รัปชัน และเรียกการโค่นล้มรัฐบาลของประธานาธิบดี วิคเตอร์ ยานูโควิช ซึ่งสนับสนุนรัสเซียในปี 2557 แล้วแทนที่ด้วยรัฐบาลโปรยุโรปว่า เป็นการก่อรัฐประหาร และยูเครนกำลังถูกควบคุมจากภายนอก
...
หลังจากพูดมาประมาณ 30 นาที ปูตินก็เริ่มกล่าวถึงนาโต โดยหนึ่งในเป้าหมายสูงสุดของเขาคือ การขัดขวางไม่ให้ยูเครนได้เป็นสมาชิกขององค์กรสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ และในการแถลงครั้งนี้ เขาก็กล่าวหานาโต รวมถึงสหรัฐฯ ว่า กำลังเปลี่ยนยูเครนเป็นเวทีแห่งสงคราม ทั้งคู่เพิกเฉยต่อความกังวลด้านความปลอดภัยของรัสเซีย และว่าการรับยูเครนเป็นสมาชิกจะเพิ่มความเสี่ยงเกิดการโจมตีอย่างกะทันหันต่อรัสเซียมากขึ้น
จากนั้น ปูตินก็ปิดท้ายแถลงการณ์ด้วยการทำพิธีลงนามกฤษฎีกายอมรับ การแยกตัวเป็นอิสระของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ (DPR) และ สาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์ (LPR) ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ส่วนหนึ่งของแคว้นโดเนตสก์กับแคว้นลูฮานสก์ ทางตะวันออกสุดของยูเครน
“ผมพิจารณาแล้วว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่จะมีการตัดสินใจซึ่งควรทำมานานแล้ว เพื่อยอมรับการแยกเป็นอิสระและอธิปไตยของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์ และสาธารณรัฐประชาชนลูฮานสก์” ปูตินกล่าว “ผมขอให้รัฐสภาแห่งสหพันธรัฐรัสเซียสนับสนุนการตัดสินใจนี้ และให้อนุมัติสนธิสัญญามิตรภาพและช่วยเหลือร่วมกันกับสาธารณรัฐทั้งสอง เอกสารทั้งสองฉบับนี้จะถูกเตรียมและลงนามในอนาคตอันใกล้”
“และสำหรับผู้ที่ยึดและครองอำนาจในกรุงเคียฟ เราขอเรียกร้องให้หยุดความเป็นศัตรูในทันที มิเช่นนั้น ความรับผิดชอบทุกอย่างของการนองเลือดที่อาจเกิดขึ้นต่อไป จะตกอยู่กับรัฐบาลผู้ปกครองดินแดนทั้งหมด” ก่อนจะพูดส่งท้ายว่า “การประกาศการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมมั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนจากพลเรือนยูเครนและจากกองกำลังผู้รักชาติทั้งหมดในประเทศ ขอบคุณที่รับฟัง"