ทางการฮ่องกงบังคับใช้มาตรการเว้นระยะห่างเข้มงวดที่สุดเท่าที่เคยใช้มา หลังจำนวนผู้ติดเชื้อรายวันยังคงเพิ่มไม่หยุด เพื่อบรรลุเป้าหมายทำให้โควิดเป็นศูนย์

สำนักข่าว แชนเนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ 8 ก.พ. 2565 นางแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง ประกาศเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยจำกัดการรวมตัวในอาคารส่วนบุคคลให้ไม่เกิน 2 ครอบครัวเป็นครั้งแรก ขณะที่การรวมตัวในที่สาธารณะจะลดลงจาก 4 คน เหลือเพียง 2 คนเท่านั้น

ความเคลื่อนไหวล่าสุดเกิดขึ้นหลังจากฮ่องกงพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในวันอังคาร พวกเขารายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 625 ราย มากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มการระบาด

นอกจากมาตรการเว้นระยะห่างดังกล่าว ทางการฮ่องกงยังสั่งปิดร้านทำผม และสถานที่สักการะ นับตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 10 ก.พ.เป็นต้นไป และจะเริ่มใช้บัตรผ่านวัคซีนเพื่อเข้าสถานที่อย่าง ศูนย์การค้า, ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ตลาดสด และห้างสรรพสินค้า ในวันที่ 24 ก.พ.

นางแคร์รี หล่ำ ระบุว่า มาตรการล่าสุดมีเป้าหมายเพื่อซื้อเวลาให้ฮ่องกงเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนภายในเมือง ซึ่งตอนนี้ยังฉีดวัคซีนให้ผู้สูงอายุได้ไม่ถึง 50% “ถึงเวลาที่ฮ่องกงต้องใช้มาตรการเข้มงวดบ้างแล้ว” นางหล่ำกล่าว

ทั้งนี้ ฮ่องกงยังยึดมั่นในนโยบาย “zero-COVID” หรือทำให้ผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ ด้วยการใช้มาตรการล็อกดาวน์และเว้นระยะห่างเป็นเวลานานเช่นเดียวกับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งควบคุมการระบาดได้ผลอย่างดีในช่วงแรก แต่การมาของไวรัสสายพันธุ์เดลตา และล่าสุดคือโอมิครอน ซึ่งติดต่อง่ายขึ้น ส่งผลให้แม้จะใช้มาตรการเข้มงวด ก็ยังควบคุมการระบาดได้ลำบาก จนหลายประเทศตัดสินใจปรับแผนเน้นการอยู่ร่วมกับไวรัสแทน.

...