เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ คาด รัสเซียระดมกำลังทหารและอาวุธที่ต้องใช้เพื่อโจมตียูเครนได้ 70% แล้ว ขณะที่เสนาธิการทหารเชื่อว่า กรุงเคียฟจะถูกตีแตกใน 3 วันหากรัสเซียตัดสินใจบุก

สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 ก.พ. 2565 อ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ 2 นายว่า ตอนนี้รัสเซียรวบรวมกำลังทหารและอาวุธที่บริเวณชายแดนติดกับยูเครนได้ราว 70% ของทั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้เพื่อการบุกโจมตียูเครนเต็มรูปแบบแล้ว

เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 นายระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวมาจากการประเมินข้อมูลข่าวกรองล่าสุด แต่พวกเขาไม่ระบุรายละเอียด เนื่องจากความอ่อนไหวในวิธีที่พวกเขาใช้ในการเก็บข้อมูล อย่างไรก็ตาม การประเมินดังกล่าวแสดงให้เห็นการเสริมกำลังทหารอย่างมีนัยสำคัญของรัสเซียบริเวณชายแดนยูเครน แต่ไม่แน่ชัดว่ารัสเซียจะใช้เวลาเท่าใดจึงจะระดมกำลังครบ 100% หรือ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน จะรอระดมกำลังเต็มที่แล้วค่อยตัดสินใจบุกหรือไม่

พวกเขาคาดด้วยว่า การบุกโจมตีของรัสเซียจะทำให้ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตในยูเครนมากมาย โดยบางการประเมินชี้ว่า การโจมตีอาจทำให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหลายหมื่นคน และผู้อพยพอีกกว่า 5 ล้านคน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยังคงไม่อาจยืนยันได้ว่า นายปูตินตัดสินใจขั้นสุดท้ายเรื่องรูปแบบของมาตรการทางทหารที่จะใช้แล้วหรือไม่ แต่เชื่อว่าเขาจะมีความเคลื่อนไหวในอีกไม่ช้า ขณะที่หลังฉาก ทีมข่าวกรองและความมั่นคงแห่งชาติของประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำลังสิ่งที่อาจเกิดขึ้นและผลลัพธ์ที่อาจตามมาหลายอย่าง

ก่อนหน้านี้สำนักข่าว ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานว่า พลเอก มาร์ก มิลเลย์ ประธานคณะเสนาธิการทหารร่วม บอกกับเหล่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการประชุมลับระหว่างวันที่ 2-3 ก.พ.ที่ผ่านมา ว่า กรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน อาจถูกตีแตกภายในเวลาเพียง 72 ชั่วโมง หากรัสเซียบุกโจมตีเต็มรูปแบบ โดยอาจมีทหารยูเครนเสียชีวิตราว 15,000 นายขณะที่ฝ่ายรัสเซียสูญเสียราว 4,000 นาย

...

ส่วนนาย จอห์น เคอร์บี โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ก็ออกมาบอกใบ้เรื่องสถานะของกองกำลังรัสเซียที่อาจถูกใช้บุกโจมตียูเครน “นายปูตินยังคงเสริมกำลัง, รวบรวมอาวุธ และขีดความสามารถในการโจมตีอย่างต่อเนื่อง เขาแสดงให้เห็นสัญญาณว่าเขาไม่สนใจ หรือยินดีที่จะลดความตึงเครียดเลย”.