จับตา สถานการณ์โควิดในเกาหลีใต้ รุนแรงขึ้นช่วงหลังตรุษจีน

• ตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ของเกาหลีใต้ยังคงพุ่งทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของเชื้อกลายพันธุ์โอมิครอน ล่าสุดทะลุวันละกว่า 38,000 ราย จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 1 ล้านรายแล้ว ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าช่วงหลังเทศกาลตรุษจีนจะเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้ 
• รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศขยายมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมออกไปอีกอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ซึ่งจะไปสิ้นสุดในช่วงเกือบปลายเดือน และจะพยายามกลับเข้าสู่ภาวะปกติหากมีสัญญาณบ่งชี้ว่าหน่วยงานด้านสาธารณสุขจะสามารถรองรับจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นได้ ขณะที่ตัวเลขผู้ป่วยรักษาตัวอยู่ที่บ้านพุ่งทะลุ 104,000 ราย
• ปัจจุบันนี้ประชากรในเกาหลีใต้ 85.9% ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม และ 54.5% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศประมาณ 52 ล้านคน ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว

เมื่อวันที่ 6 ก.พ. 65 สำนักงานควบคุมและป้องกันโรคเกาหลีใต้ รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 38,670 ราย เป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด เพิ่มขึ้นกว่า 2,300 ราย เมื่อเทียบกับสถิติของวันก่อนหน้า ซึ่งมีการยืนยันผู้ติดเชื้อ 36,362 คน ส่งผลให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมพุ่งขึ้นแตะหลักล้าน อยู่ที่ 1,009,688 ราย ในจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ส่วนใหญ่คือกว่า 21,000 รายอยู่ในกรุงโซลและปริมณฑล โดยในกรุงโซลพบผู้ติดเชื้อกว่า 8,500 ราย และจังหวัดคยองกี พบผู้ติดเชื้อมากที่สุดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงกว่า 10,000 ราย อย่างไรก็ตาม อัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ในเกาหลีใต้ยังต่ำ มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 15 ศพ จำนวนผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 6,873 ศพ

โดยเกาหลีใต้เพิ่งมียอดผู้ติดเชื้อแตะ 20,000 เป็นครั้งแรกในวันพุธที่ผ่านมา ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน เพิ่มขึ้นสูงเกือบ 5 เท่าในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา 

ก่อนหน้านี้ หน่วยงานด้านสาธารณสุขของเกาหลีใต้ ได้ออกมาเตือนว่า ช่วงวันหยุดซอลลัล หรือวันปีใหม่ที่ผ่านมา 3 วัน ซึ่งได้สิ้นสุดไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา อาจส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ต่อจากนี้ โดยอาจมีผู้ติดเชื้อหลายวันสูงถึง 100,000 คน

ขณะที่รัฐบาลเกาหลีใต้ตัดสินใจประกาศขยายระยะเวลาบังคับใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมออกไปอีก 2 สัปดาห์ หลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันยังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงวันหยุดยาวเทศกาลตรุษจีนที่ประชาชนพากันเดินทางกลับภูมิลำเนาเยี่ยมสมาชิกครอบครัวและออกเดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ

โดยเดิมทีมาตรการนี้จะสิ้นสุดในวันที่ 6 ก.พ. แต่ล่าสุดได้ขยายไปถึงวันที่ 20 ก.พ. เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ภายใต้มาตรการนี้ จะห้ามการชุมนุมกันในที่สาธารณะมากเกินกว่า 6 คน และยังอยู่ภายใต้เคอร์ฟิว ห้ามออกนอกบ้านและร้านอาหาร คาเฟ่ และธุรกิจต่างๆ ต้องปิดก่อนเวลา 21.00 น.

นอกจากนี้ รัฐบาลยังประกาศสงวนสิทธิ์ในการตรวจคัดกรองแบบอาร์ที-พีซีอาร์ ให้กับผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ขณะที่รัฐบาลมีแผนจะผ่อนคลายมาตรการลงในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หากว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงและการระบาดระลอกใหม่ของเชื่อกลายพันธุ์โอมิครอนเริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ขณะเดียวกันทางการเกาหลีใต้ลดเวลาการกักตัวสำหรับผู้ป่วยโควิดที่ฉีดวัคซีนครบโดส

ปัจจุบันนี้ประชากรในเกาหลีใต้ 85.9% ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม และ 54.5% จากจำนวนประชากรทั้งประเทศประมาณ 52 ล้านคน ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นแล้ว

นายกรัฐมนตรีคิม บู คยอม ของเกาหลีใต้กล่าวว่า รัฐบาลเข้าใจว่าธุรกิจขนาดเล็กต่างๆ ได้รับผลกระทบจากมาตรการสกัดโควิด-19 แต่รัฐบาลยังมีภารกิจในการลดตัวเลขผู้ติดเชื้อ และยังไม่อาจประเมินได้ว่าช่วงหยุดยาว 5 วัน เทศกาลตรุษจีน จะทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมมากหรือน้อยแค่ไหน 

ขณะที่จำนวนผู้ป่วยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หรือมีอาการรุนแรงยังไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น และจำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่ประมาณ 20 ศพต่อวัน ลดลงจากตัวเลข 50-100 ศพต่อวันในช่วงเดือนธันวาคมปีที่แล้วจนถึงช่วงต้นเดือนมกราคม ปีนี้ ซึ่งยังเป็นช่วงการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ก่อนที่เชื้อโอมิครอนจะเข้ามา  

นอกจากนี้เกาหลีใต้ยังฝากความหวังไว้กับยาเม็ด แพ็กซ์โลวิด (Paxlovid) ของไฟเซอร์ ซึ่งมีการเริ่มแจกจ่ายลอตแรกประมาณ 630,000 เม็ด ให้กับผู้ป่วย 21,000 คน และแจกจ่ายไปยังร้านขายยา 280 แห่ง และศูนย์รักษาตามชุมชน 90 แห่ง

โดยยาเม็ดไฟเซอร์ จะใช้รักษาผู้ป่วยวันละกว่า 1,000 คน โดยมุ่งไปที่ผู้ติดเชื้อที่มีความเสี่ยงสูงจากอาการป่วยหนัก อายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป และคนที่ภูมิคุ้มกันลดลง ยาเม็ดตัวนี้มีประสิทธิภาพในการป้องกันการเข้าโรงพยาบาล และเสียชีวิตจากโควิด ได้ถึงเกือบ 90%

ผลการทดลองทางคลินิกของไฟเซอร์ก่อนหน้านี้ ระบุว่า ยาแพ็กซ์โลวิด มีประสิทธิภาพป้องกันอัตราป่วยรักษาตัวในโรงพยาบาลและเสียชีวิตได้สูงเกือบร้อยละ 90 ในกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อที่มีความเสี่ยงสูงต่ออาการป่วยรุนแรง และมีประสิทธิภาพป้องกันโอมิครอนได้ เกาหลีใต้เชื่อว่า ยาเม็ดนี้อาจมีบทบาทสำคัญในการจำกัดจำนวนผู้ป่วยที่จะมีอาการรุนแรงขั้นวิกฤติ แม้ไวรัสสายพันธุ์นี้จะทำให้ป่วยในระดับรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตาก็ตาม.

ข้อมูล Korea Herald LA Times Aljazeera